ต้อยทูเดย์ออนไลน์ Toytodayonline

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ทำการปกครองจังหวัดนครสวรรค์ จัดพิธีเปิดโครงการอบรมสงเสริมศักยภาพ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 รุ่นที่ 7 โดยมี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อำเภอตาคลี เข้าร่วม จำนวน 125 คน ในการจัดโครงการ ครั้งนี้ จัดขึ้น ณ ศาลาประชาคมอำเภอตาคลี

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 สิงหาคม 2568 นาย บดินทร์  เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานเปิดโครงการอบรมสงเสริมศักยภาพ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯ เพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน จังหวัดนครสวรรค์ โดยมี นาง สลักฤทัย กุ่มดวง ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดนครสวรรค์  กล่าวรายงาน เนื่องจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินโดยทั่วไปเกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้รถใช้ถนนยานพาหนะ ถนนและสภาพแวดล้อม ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนนับเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตทรัพย์สินและความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นพบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นกับคนในพื้นที่หมู่บ้านชุมชนผู้เสียชีวิตเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือรถจักรยานยนต์และสถิติของวิญญาณภาณะที่มีผู้ขับขี่และเสียชีวิตมากที่สุดในแต่ละช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถยนต์ กระบะ รถเก๋ง โดยถนนที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ได้แก่ ถนนในชุมชน หรือ ถนน ของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถนนหลวงส่วนใหญ่ เป็นเส้นทางตรง สาเหตุเกิดจากขับรถเร็วเกินกำหนดตัดหน้ากระชั้นชิดดื่มแล้ว ขับ และสถิติอุบัติเหตุ ที่แยกตามพฤติกรรมเสี่ยง เกิดจากการไม่สวมหมวกนิรภัยสำหรับในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์จากสถิติข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนครสวรรค์ 3 ฐาน ปี พ.ศ 2566 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวน 244 ราย เทียบเป็นอัตราผู้เสียชีวิต ต่อ แสนประชากรคิดเป็น 23.72 ซึ่งเกินกว่าค่าเป้าหมาย ที่ส่วนกลางกำหนดไว้ 21.74 ดังนั้น การดำเนินการให้ความรู้ในเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจึงถือเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในชุมชนและท้องถิ่นของตนเองอย่างทั่วถึงสามารถประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เพื่อเพิ่มสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนนและวินัยจราจร ทำการปกครองจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้จัด ทำโครงการสร้างเสริมศักยภาพกำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนนในหมู่บ้านชุมชนประจำปีงบประมาณพ.ศ 2568 ขึ้น จำนวน 14 รุ่น สำหรับ วันนี้ เป็นรุ่นที่ 7 โดยมี วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของกำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ในการคัดกรองป้องปราบตักเตือนบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางถนน รวมทั้งการแนะนำการใช้ยานพาหนะโดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะอย่างปลอดภัยให้มีความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานในชุมชนในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้านพร้อมทั้งเพื่อให้กำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายจราจรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องมารยาทการขับขี่การป้องกันตนเองขณะขับขี่ยานพาหนะ และเพื่อให้กำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำความรู้ไปเผยแผ่รณรงค์ให้คนในชุมชนมีความตระหนักถึงวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนเพื่อลดพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้รถใช้ถนนและนำมาซึ่งความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน

จังหวัดนครสวรรค์ จัดโครงการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

     วันที่ 20 สิงหาคม 2568 เวลา 08.30 น. ณ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป้าแม่วงก์ - แม่เป็น บริเวณบ้านเขาแหลม หมู่ที่ ๗ตำบลแม่เป็น อำเภอแม่เป็น จังหวัดนครสวรรค์ จัดโครงการปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมีนางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ประธานในพิธีฯ นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ จิตอาสา ประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว โดยภายในกิจกรรมดังกล่าว ได้ร่วมกันปลูกตันไม้เพิ่มพื้นพื้นที่สีเขียวจำนวน 2,000 ต้น บนเนื้อที่จำนวน 10 ไร่ พร้อมแจกจ่ายกล้าไม้ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 2,000 ต้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 73 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 และโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 93 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เพื่อร่วมกันแสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร และเพื่อเป็นการสร้างและกระตุ้นจิตสำนึกให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ของชาติ อีกทั้งลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมลภาวะจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โรงพยาบาลสวรรค์​ประชา​รักษ์​-นครสวรรค์​ จัดกิจกรรม “รพ.พบสื่อมวลชน” เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนที่จะมาใช้บริการเชื่อมั่นการบริการทางการแพทย์

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 19 สิงหาคม 2568 ที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (เขาเขียว) จ.นครสวรรค์ แพทย์หญิงรจนา ขอนทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมเปิดโครงการสวรรค์ประชารักษ์พบสื่อมวลชน ประจำปี 2568 เพื่อนำเสนอการให้บริการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง 5 ด้าน, การให้บริการของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (ในเมือง) การให้บริการด้านจิตเวชและยาเสพติด และความร่วมมือของสหสาขาวิชาชีพเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความรุนแรงในจังหวัดนครสวรรค์ โดยมี นายแพทย์ทรงวุฒิ ประสพสุข รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาคุณภาพ แพทย์หญิงกมลทิพย์ ประสพสุข รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจด้านบริการปฐมภูมิ แพทย์หญิงธีรพร วิทิตศิริ หัวหน้ากลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด และนายแพทย์ณัฐพงษ์ ตุลาพันธุ์ หัวหน้ากลุ่มงานนิติเวช เป็นวิทยากรให้ความรู้โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ของเขตสุขภาพที่ 3 ขนาด 796 เตียง มีพื้นที่ 202 ไร่ ให้บริการพื้นที่ 5 จังหวัด คือ จ.นครสวรรค์ จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.อุทัยธานี และ จ.ชัยนาท มีวิสัยทัศน์เป็นศูนย์เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชั้นสูงในระดับอาเซียน ให้บริการผู้ป่วยในระดับตติยภูมิ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางครบทุกสาขา มีเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัยครบวงจร ให้การดูแลประชาชนมากกว่า 3 ล้านคน มีสถิติการให้บริการผู้ป่วยนอกกว่า 700,000 คนต่อปี ผู้ป่วยใน 57,000 คนต่อปี และมีอัตราครองเตียง ร้อยละ 90 โดยในปี 2568 นี้ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ได้ทําการยกระดับการให้บริการ โดยมีการพัฒนาหลายด้าน ได้แก่ 1.ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีอาคารบริการ 14 อาคาร ครบตามมาตรฐาน P plus,  การรักษาความปลอดภัยด้วยระบบสแกนประตูอัตโนมัติเข้า-ออกอาคารและหอผู้ป่วย, มีระบบผลิตน้ำประปาที่สะอาดปลอดภัย สํารองน้ำได้ 3 วัน มีบ่อบําบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบต่อชุมชน, มีการติดตั้ง Solar cell ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 200,000 บาทต่อเดือน มีพื้นที่สีเขียวภายในโรงพยาบาลฯมากกว่าร้อยละ 40 มีระบบสํารองไฟฟ้าด้วย Generator เพียงพอทุกอาคาร และจัดระบบขนส่งภายในโรงพยาบาลฯด้วยรถไฟฟ้า ท่อขนส่ง Tempus  เปล Mobile มีทางเชื่อมระหว่างอาคาร2.ด้านการบริการ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ มีการปรับโฉมการบริการด้วยสถานที่และเครื่องมือที่ทันสมัย โดยมุ่งเน้นเป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง 5 ด้าน ดังนี้ - ศูนย์เชี่ยวชาญด้านหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งในปี 2567 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลฯได้ทํา ECMO ไปแล้ว 44 ราย ผ่าตัด Open heart  271 ราย รวมถึง thoracic aortic aneurysm และ EVAR  ผ่าตัดโรคหัวใจในเด็ก  ผ่าตัด abdominal aortic aneurysm repair อันดับ 1 ของประเทศ และให้บริการสวนหัวใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง 2.ศูนย์เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง โรงพยาบาลฯมีเทคโนโลยีการรักษาโรคมะเร็งที่ทันสมัยและครบวงจร เช่น การผ่าตัด การฉายรังสีแบบ 3 มิติและแบบเร่งอนุภาค การรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบมุ่งเป้าและภูมิคุ้มกันบําบัด นอกจากนี้ ยังลดการส่งต่อผู้ป่วยฉายแสงได้ถึง 82% ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ป่วยได้กว่า 100 ล้านบาท พร้อมยกระดับ Nuclear medicine ในปี 2569- ศูนย์รับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ ในปี 2567 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลฯ ได้ปลูกถ่ายกระจกตาเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ส่วนในปี 2568 นี้ ตั้งเป้าพัฒนาทีมจัดเก็บอวัยวะ เพื่อยกระดับการปลูกถ่ายไตและไขกระดูกในปี 2569 - ศูนย์เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด โรงพยาบาลฯ สามารถรับรักษาทารกป่วยวิกฤต จำนวน 15 เตียง และมีเครื่องมือที่ทันสมัยในการดูแลทารกคลอดก่อนกำหนด - ศูนย์เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลฯมีห้องฉุกเฉินขนาด 3,000 ตารางเมตร 34 เตียง มี CT scan และห้องผ่าตัดภายใน ER อีกทั้งยังรับรู้ตําแหน่งและสถานะผู้ป่วยแบบ real time ด้วยโปรแกรม smart ER รวมทั้งส่งต่อผู้ป่วยปลอดภัยอุบัติเหตุเป็นศูนย์ด้วย smart and safety ambulance และส่งต่อรวดเร็วเชื่อมโยงทั้งเขตสุขภาพด้วย smart and safety EMSนอกจากนี้ โรงพยาบาลฯยังมีบริการต่อยอดเพิ่มเติม อาทิเช่น มีการ Trauma center รักษาผู้ป่วยบาดเจ็บซับซ้อนได้ทุกระบบ, สามารถทํา Radio intervention และ Neuro intervention, เป็นศูนย์ ods ผ่าตัดครอบคลุมทุกโรคในปี 2567 ได้รับรางวัลชนะเลิศ Best Practice Service Plan Sharing และคลินิกโรคอ้วนผ่าตัดโรคอ้วนไปแล้ว 50 ราย, ทันตกรรมเฉพาะทางครบทุกสาขา, ให้บริการด้านนิติเวชทั้งเขตสุขภาพ ได้รับรางวัลเครือข่าย OSCC ระดับประเทศ,  อีกทั้งยังมีอาคารผู้ป่วยจิตเวชให้บริการแบบ one stop service สามารถรับผู้ป่วยในได้ 27 เตียง แยกจากผู้ป่วยทั่วไป,  และปรับปรุงโรงพยาบาลแห่งเดิมให้เป็น Wellness center, life style medicine, ศูนย์แพทย์ทางเลือกและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ3.ด้านบุคลากร โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ มีบุคลากร จํานวน 2,664 คน แบ่งเป็น แพทย์ 251 คน ทันตแพทย์ 21 คน เภสัชกร 55 คน และพยาบาล 898 คน โดยมีพยาบาลที่ได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง จํานวน 267 คน, เป็นศูนย์แพทยศาสตร์ศึกษาชั้นคลินิกที่มีความเป็นเลิศ โดยผลิตนักศึกษาแพทย์แล้วทั้งสิ้น 21 รุ่น จํานวน 592 คน, เปิดสถาบันฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านสาขาศัลยกรรมทั่วไปตั้งแต่ปี 2562, เป็นสถาบันฝึกอบรมวิสัญญีพยาบาล ตั้งแต่ปี 2560 รวม 36 คน, เป็นสถาบันฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัวตั้งแต่ปี 2566, ผลิตแพทย์อายุรศาสตร์ร่วมกับรามาธิบดี ตั้งแต่ปี 2553 รวม 84 คน, ในปี 2567 และ 2568 มีงานวิจัยและ R2R ตีพิมพ์ในระดับนานาชาติจํานวน 15 ผลงาน ระดับประเทศ 81 ผลงาน และระดับจังหวัด 57 ผลงาน, สนับสนุนการทําความดีของเจ้าหน้าที่ด้วยรางวัลคนดีศรีสวรรค์ประชารักษ์ พร้อมเผยแพร่ความดีให้เกิดการรับรู้ทั้งองค์กร, เปิดอบรมแพทย์เฉพาะทางด้าน Emergency practice และการพยาบาลวิกฤต ในปี 2569และ 4. ด้านประสิทธิภาพการบริการ โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ มีการพัฒนาระบบการรักษาและผ่าตัดที่ซับซ้อนมากขึ้นทําให้ค่า CMI สูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศ, พัฒนาระบบ Three refer plus เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยรวดเร็วแม่นยํา, พัฒนาสู่การเป็น Smart hospital ด้วย Digital IPD paperless Telemedicine ระบบบันทึกการพยาบาล digital โปรแกรมบริหารครุภัณฑ์ครบวงจร, พัฒนาทางห้องปฏิบัติการด้วย Smart lab มีระบบป้องกันการจ่ายเลือด ผิดคน ผิดหมู่ ด้วยโปรแกรม Smart blood bank, มีห้องจ่ายยาผู้ป่วยนอกแบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ ลดค่าจ้างบุคลากรได้ถึง 400,000 บาทต่อเดือน รองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 2,500 คนต่อวัน ลดเวลารอรับยาลงได้ถึง 6 เท่า พร้อมปรับระบบบริการผู้ป่วยนอก, ส่งผลให้ระยะเวลารอคอย OPD เฉลี่ยจาก 252 นาที ลดเหลือ 143 นาที และทําให้เกิดความพึงพอใจในผู้รับบริการมากกว่า ร้อยละ 90

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น มณฑลนครสวรรค์ (ร.ศ.125)

วันนี้ 17 สิงหาคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ บึงบอน หมู่ที่ 1 ตำบลหูกวาง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ จัดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น มณฑลนครสวรรค์ (ร.ศ.125) โดยมีนางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานในเปิดโครงการดังกล่าว พร้อมด้วยนายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์​ พล.ต.อ.สมศักดิ์​ จัน​ทะ​พิงค์​ นายก​องค์การ​บริหาร​ส่วน​จังหวัด​นครราชสีมา​ สส.สัญญา​ นิลสุพรรณ​ สมาชิก​สภาผู้แทน​ราษฎร​นครสวรรค์​ เขต.3 นายมารุจน์ เกิดสว่าง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหูกวาง ปลัดจังหวัดนครสวรรค์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์  หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน  ร่วมกันแต่งชุดไทยและชุดย้อนยุคสวยงาม เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก                 โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น มณฑลนครสวรรค์ (ร.ศ.125) เป็นการการพัฒนาการท่องเที่ยวของตำบลหูกวาง มีความสำคัญเพื่อจะนำรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น และช่วยพัฒนาส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมสถานการณ์การตลาดการท่องเที่ยวปัจจุบันมีการแข่งขันอย่างรุนแรงทำให้การท่องเที่ยวต้องปรับทิศทางส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยใช้อัตลักษณ์ และความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีอยู่มาสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น และสอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ “จดหมายเหตุเสด็จประพาสตัน” เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าเจ้าอยู่หัวกาลที่ 5 ในการเสด็จประพาสต้นมณฑลนครสวรรค์ พ.ศ. 2449 ได้ทรงแวะพักประทับแรมที่บ้านกำนันใย ตำบลหูกวาง มีการแสดงละครในเรื่องพระเจ้าเสือ ( สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 ) เสด็จไปคล้องช้างที่เมืองนครสวรรค์ โดยมีวัตถุประสงค์ ในการจัดงานคือเพื่อส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน ในด้านการอนุรักษ์ รักษาประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิตภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ศิลปะวัฒนรรมท้องถิ่น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว และเพื่อเผยแพร่งานด้านมรดกทางวัฒนธรรมแก่เด็กเยาวขน และประชาชนทั่วไป ให้มีความรักหวงแหนและเห็นคุณค่า ประโยชน์ของประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมไปถึงการเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกันทุกภาคส่วน เช่น หน่วยงานของรัฐ เอกชน ผู้นำชุมชน เด็ก เยาวชนและประชาชนชาวตำบลหูกวาง ในความภาคภูมิใจใจในความเป็นท้องถิ่นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม#เสด็จประพาส​ต้น#บึงบอน-บรรพตพิสัย

"รำลึก 119​ ปี​ ​ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวง​ เสด็จประพาสต้น​ บ้านเก้าเลี้ยว" อำเภอเก้าเลี้ยว​ จังหวัด​นครสวรรค์​

      เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568​ นายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน​ รำลึก​ 119​ ปี​ ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้น​ บ้านเก้าเลี้ยว โดยมีพระราชวชิรสุนทร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ เจ้าอาวาสวัดท่าพระเจริญพรต ประธานฝ่ายสงฆ์ ซึ่งมีนายสัญญา นิลสุพรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครสวรรค์ เขต 3 นายอำเภอเก้าเลี้ยว​ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนร่วมพิธีเปิดงาน ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสต้นบ้านเก้าเลี้ยว ร่วมรับชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรม นิทัศการวัฒนธรรมท้องถิ่น อัตลักษณ์ทางชุมชนชาติพันธุ์ โดยบรรยากาศงานเต็มไปด้วยการแต่งกายชุดไทยประยุกต์ในรัชสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ณ ลานวัฒนธรรมวัดเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์   ​วันนี้ใน​ อดีต​เมื่อปีศักราช​ 2449วันนี้ในอดีต เมื่อปีพุทธศักราช 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว​ รัชกาลที่ 5​ พระพุทธเจ้าหลวง ได้เคยทรงเสด็จพระราชดำเนิน ทางชลมารค​คราวเสด็จประพาสต้น หัวเมืองภาคเหนือ มณฑลนครสวรรค์ โดยขบวนเรือต้น เมื่อขบวนเรือต้นพระที่นั่ง เสด็จถึงบ้านเก้าเลี้ยว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าๆเจ้าอยู่หัว พระพุทธเจ้าหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นมา บนฝั่งบ้านเก้าเลี้ยว ตามคำกราบบังคมทูลเชิญ ของชาวบ้านเก้าเลี้ยว เพื่อรับถวายบ้านพัก สำหรับข้าหลวงผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่สร้างขึ้นด้วยเงินที่รวบรวมได้จากชาวบ้านสร้างถวาย มีนายเม่งกุ่ย ผู้อาวุโสชาวจีน ในบ้านเก้าเลี้ยว​ เป็นตัวแทนชาวบ้าน ทั้งชาวไทย และชาวจีน น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายนับเป็นเวลา 119 ปีพอดี เทศบาลตำบลเก้าเลี้ยว สภาวัฒนธรรมอำเภอเก้าเลี้ยว และวัดเก้าเลี้ยว จึงได้ร่วมกันจัดงาน "รำลึก 119​ ปี ตามรอยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จพาสตัน บ้านเก้าเลี้ยว" ขึ้น ในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568​ โดยมีวัต​ถุประ เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้ ของพระพุทธเจ้าหลางรัชกาลที่ 5 ที่ทรงมีพระเมตตาแก่ชาวบ้านเก้าเลี้ยว เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ความรัก ความร่วมมือ การทำงานร่วมกันประชาชน ชาวบ้านเก้าเลี้ยวและใกล้เคียง และเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ทั้งล้านการแต่งกาย วิถีชีวิตผลผลิต ผลงามต่างๆ และการท่องที่ยวเชิงวัฒนธรรรม

Thailand​ Champion 2025 การแข่งขันสนุกเกอร์ 6 แดง ชิงแชมป์ประเทศไทย​ ประจำปี​ 2568​ รอบชิงชนะเลิศ​ ณ​ โรงยิมเนเซี่ยม 4,000 ที่นั่ง ภายในสนามกีฬา จ.นครสวรรค์

วันอาทิตย์​ที่​ 24 สิงหาคม​ 2568​ เวลา​ 14.30 น​ ที่โรงยิมเนเซี่ยม​ 4,000 ที่นั่ง​ ภายในสนามกีฬา​กีฬา​กลางจังหวัด​นครสวรรค์​ ดร....