ต้อยทูเดย์ออนไลน์ Toytodayonline

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2563

การสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ของกองทัพภาคที่ 3

วันที่ 30 ธันวาคม 2563 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 114 ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน, พันโท วรปรัชญ์ กาศสกุล และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช รอง โฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-ตามที่รัฐบาล ได้มีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ ประกอบกับที่รัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีข้อกำหนดตามกรอบพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้พิจารณาให้ระงับการใช้ช่องทางการเข้าออกประเทศในทุกพื้นที่ที่มีเขตติดต่อชายแดน เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มาจนถึงปัจจุบัน นั้น ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงาน  ต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยได้สั่งการให้กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่จังหวัดตาก, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ และเชียงราย ได้เพิ่มมาตรการอย่างเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ดังนี้.- 1. เพิ่มความเข้มงวดในการสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนที่ปฏิบัติในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในทุกๆ พื้นที่ 2. บูรณาการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประสานไปยังประเทศเมียนมา ผ่านคณะกรรมชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) ในการให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านและลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย  3. เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้ามที่ล่อแหลม และการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดตามเส้นทางตามแนวชายแดน ไทย - เมียนมา รวมทั้งความเข้มงวดในการตรวจบุคคลและยานพาหนะ บริเวณจุดตรวจ/ด่านตรวจและจุดสกัดกั้น และเส้นทางอ้อมผ่านจุดตรวจ/ด่านตรวจฯ เพื่อสกัดกั้นและป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว หลังพบว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ในรัฐต่างๆ ของเมียนมา 4. จัดชุดปฏิบัติการ รวมทั้งชุดแพทย์ทหาร ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ไปตามหมู่บ้านและชุมชน ให้คอยเฝ้าระวังสอดส่องหากพบบุคคลต้องสงสัยให้รีบแจ้ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือแจ้งศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 5. การติดตั้งไฟส่องสว่างในช่องทางที่ล่อแหลม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ 6. การทำเครื่องกีดขวางและปรับปรุงลวดหนาม บริเวณช่องทาง/ท่าข้ามตามธรรมชาติ 7. ประสานความร่วมมือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ และผู้นำชุมชนให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการเพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นแรงงานต่างด้าว, ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งการแจ้งเบาะแส, การกระจายข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ เข้าใจ และรับทราบข้อมูลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในห้วงวันที่ 6 - 29 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 54 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 120 คน!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ ​0619525644!!!! 

กองทัพภาคที่ 3 สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต

วันที่ 30 ธันวาคม 2563 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 114 ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน, พันโท วรปรัชญ์ กาศสกุล และ พันโท หญิง บุณฑริกา  ฑีฆวาณิช รอง โฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ แบบ Bell-212 จากชุดปฏิบัติการบิน กองกำลังผาเมือง ร่วมกับคณะแพทย์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนี้.-เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ชุดปฏิบัติการบิน กองกำลังผาเมือง ร่วมกับคณะแพทย์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินผู้ชาย อายุ 44 ปี ซึ่งถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นควรต้องนำส่งโรงพยาบาลนครพิงค์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรักษาอาการต่อเป็นการเร่งด่วน โดยทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยาน มาจากสนามบินเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว โรงพยาบาลเวียงแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ไปยังสนามบินเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว กองพันพัฒนาที่ 3 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคณะแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งรถพยาบาลฉุกเฉินมารับ เพื่อทำการรักษาต่อไปเหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ชุดเสนารักษ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ของกองพันพัฒนาที่ 3 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ได้อำนวยความสะดวกในการใช้พื้นที่ของหน่วย เพื่อให้เฮลิคอปเตอร์ของ       กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 ลำเลียงผู้ป่วยเพศหญิง อายุ 30 ปี จาก โรงพยาบาลแม่แจ่ม อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประสบอุบัติเหตุ ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองมาลงจอด เพื่อนำตัวผู้ป่วยส่งเข้ารักษาตัว ณ โรงพยาบาลนครพิงค์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคณะแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งรถพยาบาลฉุกเฉินมารับ เพื่อทำการรักษาต่อไปการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งการของกองทัพบก/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ป่วยเจ็บกรณีฉุกเฉิน โดยการร้องขอของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยยึดถือบันทึกความตกลง (MOU) เรื่อง การปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินด้วยอากาศยาน ของกระทรวงกลาโหม ระหว่างกระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เมื่อ 29 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดย กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหารในการช่วยเหลือประชาชนยามวิกฤตทุกโอกาส!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​  0619525644!!!!!! 

กองทัพภาคที่ 3 ห่วงใย โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder)

วันที่ 30 ธันวาคม 2563 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 114 ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน, พันโท วรปรัชญ์ กาศสกุล และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช รอง โฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.- โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) นับเป็นหนึ่งในอาการทางจิตเวชที่พบได้บ่อยมากขึ้นในปัจจุบัน    ซึ่งมีความแตกต่างไปจากความวิตกกังวลแบบปกติทั่วไป โดยเป็นความรู้สึกที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน และจากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่าคนไทยมากกว่าหนึ่งแสนคนป่วยด้วยโรควิตกกังวล ซึ่งโรควิตกกังวลนี้จะเป็นความกังวลที่มากกว่าปกติ ไม่ใช่เพียงแค่การคิดมากเกินไปจนส่งผลต่อการดำเนินชีวิต สาเหตุของโรควิตกกังวล   1) พันธุกรรม หรือพื้นฐานดั้งเดิม ถ้าพ่อแม่เป็นโรควิตกกังวล ลูกก็มีโอกาสเป็นโรควิตกกังวลเช่นกัน หรือมีพื้นฐานที่ไม่กล้าแสดงอารมณ์ออกมาและการมีสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล   2) สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู การเลียนแบบพฤติกรรมจากพ่อแม่หรือคนใกล้ชิด การประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรควิตกกังวล มีรายละเอียด จำนวน 6 โรควิตกกังวล ที่มักพบได้บ่อยในวัยทำงาน ได้แก่   1. โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder) คือเกิดความกังวลที่มากกว่าปกติในเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น การงาน ครอบครัว สุขภาพ ซึ่งผู้ป่วยยังสามารถระงับความรู้สึกได้ด้วยตัวเอง แต่หากผู้ป่วยมีอาการนานเกินกว่า 6 เดือน ไม่สามารถปรับตัวให้รับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้ อาจทำให้เกิดความอ่อนเพลีย กระวนกระวาย ไม่มีสมาธิ หงุดหงิด และนอนไม่หลับ หรือนอนหลับไม่สนิท   2. โรคแพนิค (Panic Disorder) หรือโรคตื่นตระหนก คือเกิดความวิตกกังวลโดยไม่มีสาเหตุ ตื่นตระหนก กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือตาย มีอาการเจ็บป่วยนิดหน่อยก็กลับมีความกังวล เช่น กลัวว่าจะเป็นโรคร้าย ทั้งที่จริงแล้ว ไม่ได้ป่วยทางกายแต่ป่วยทางจิตต่างหาก อาการโรควิตกกังวลเกินเหตุ อาจเกิดเป็นพักๆ ทำให้เหงื่อออก ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ร้อนวูบวาบ แน่นหน้าอก วูบเหมือนจะเป็นลม อาการแบบนี้อาจทำให้เสียสุขภาพจิตและอาจนำไปสู่ภาวะอื่นๆ ได้ เช่น ภาวะซึมเศร้า ติดสารเสพติด เป็นต้น   3. โรคกลัวสังคม (Social Phobia) คือความวิตกกังวลที่จะต้องไปอยู่ในสถานการณ์ที่คิดว่าต้องถูกจ้องมอง ทำอะไรที่น่าอาย ต้องคอยหลบ รู้สึกประหม่า และมักคิดในแง่ลบว่าคนอื่นจะนินทาลับหลัง ทำให้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน อาจทำให้เกิดอาการหน้าแดง เหงื่อออก คลื่นไส้ หัวใจเต้นเร็ว ปวดหัว  ที่น่าสนใจ คือโรคนี้มักแอบแฝงอยู่ในตัวบุคคลที่ดูเป็นปกติสุขดี มองดูภายนอกร่างกายก็สมบูรณ์แข็งแรงดี และไม่มีทีท่าว่าจะป่วยแต่อย่างใด สาเหตุของอาการนี้อาจเกิดจากการเลี้ยงดู ขาดทักษะการเข้าสังคม หรือเกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของสมอง พันธุกรรม   4. โรคกลัวแบบเฉพาะ (Phobia) คือความวิตกกังวลที่มากเกินไปในเรื่องบางเรื่อง บางสิ่งบางอย่างแบบเจาะจง เช่น กลัวเลือด กลัวที่แคบ กลัวรู กลัวสุนัข เป็นต้น แม้ว่าจะรู้สึกกลัวไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่สามารถห้ามความกลัวได้ พยายามจะหลีกเลี่ยงไม่เผชิญกับสิ่งที่ตัวเองกลัว ผู้ป่วยมักเกิดปฏิกิริยาทางกายขึ้นมาหากอยู่ในสถานการณ์จำเพาะเจาะจง เช่น ใจสั่น หน้ามืด มือ-เท้าเย็น อาจทำให้ใจสั่น หายใจลำบาก เหงื่อออก   5. โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder) ความวิตกกังวลที่เกิดจากการคิดซ้ำไป  ซ้ำมา ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบซ้ำๆ ก่อให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลใจ แม้ว่าอาการแบบนี้จะไม่รุนแรง หรือส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากนัก แต่ทำให้เสียเวลาชีวิตไปกับพฤติกรรมเหล่านั้นไม่น้อย ซึ่งอาการย้ำคิดย้ำทำแบบนี้กลับพบบ่อยในคนวัยทำงาน เช่น คิดว่าลืมล็อคประตูบ้านต้องเดินกลับไปดูว่าล็อคหรือยัง คิดว่าลืมปิดก๊อกน้ำ ต้องกลับไปเช็คอีกครั้ง เป็นต้น   6. โรคเครียดหลังเหตุสะเทือนใจ (Post-Traumatic Stress Disorder, PTSD) คืออาการผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังจากประสบกับเหตุการณ์อันเลวร้ายมาก เช่น เผชิญกับภาวะเฉียดตาย ภาวะภัยพิบัติตามธรรมชาติที่ร้ายแรง ถูกทำร้ายหรือเห็นคนใกล้ตัวตาย อาการเกิดขึ้นได้หลายอย่าง ตั้งแต่เงียบเฉย ขาดการตอบสนอง ตกใจง่าย หวาดกลัว กังวลในเรื่องเล็กน้อย คิดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ และเกิดความกลัวและวิตกกังวลขึ้นมาใหม่เหมือนเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง รวมถึงหวาดกลัวสิ่งเร้าที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อเฝ้าระวังโรควิตกกังวล ซึ่งหากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้าง มีอาการบ่งชี้, สงสัยว่าป่วย หรือมีความวิตกกังวล ส่งผลให้เจ้าตัวรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิดใจ ตลอดจนเกิดความเครียดหลายๆ ครั้ง ซึ่งเข้าข่าย 6 โรคนี้ ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาต่อไป
!!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ ​0619525644!!!!! ​

แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจความพร้อม จุดบริการประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2564 เมื่อ 28 ธันวาคม 2563 พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และคำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ จุดบริการประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2564 โดยมี พลตรี อดุลย์ ชมเย็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 31/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 31 พร้อมด้วย นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ผู้บังคับหน่วยทหาร ในค่ายจิรประวัติ ตลอดจน หัวหน้าส่วนราชการพลเรือนที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งจุดบริการประชาชน ในห้วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2564 ณ บริเวณหน้าค่ายจิรประวัติ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้ได้ขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่เสียสละในการทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน และได้เน้นย้ำให้ทุกคนเพิ่มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 อย่างต่อเนื่อง

แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจความพร้อม จุดบริการประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2564
        เมื่อ 28 ธันวาคม 2563 พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ และคำแนะนำกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน  ณ จุดบริการประชาชนในห้วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2564 โดยมี พลตรี อดุลย์ ชมเย็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 31/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 31 พร้อมด้วย นายสิริรัฐ  ชุมอุปการ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ผู้บังคับหน่วยทหาร ในค่ายจิรประวัติ ตลอดจน หัวหน้าส่วนราชการพลเรือนที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งจุดบริการประชาชน ในห้วงเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2564 ณ บริเวณหน้าค่ายจิรประวัติ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ทั้งนี้ได้ขอบคุณทุกหน่วยงาน ที่เสียสละในการทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน และได้เน้นย้ำให้ทุกคนเพิ่มมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 อย่างต่อเนื่อง!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​  0619525644!!!! 

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2563

นายอำเภอเก้าเลี้ยว มอบอุปกรณ์ไฟฟ้าโซล่าเซลล์ แก่ผู้ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้มาจนเกือบ 30 ปี

วันนี้ 28 ธันวาคม​  2563​ เวลา 18.00 น.นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเก้าเลี้ยว พร้อมด้วยพระครูนิวิจสังฆกิจ เจ้าคณะอำเภอเก้าเลี้ยว วัดเก้าเก้าเลี้ยว นายวัฒนากร   ผิวผ่อง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาดิน หัวหน้าส่วนราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเขาดิน  สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนครสวรรค์ ปฎิบัติงานพื้นที่อำเภอเก้าเลี้ยว ร่วมกันมอบอุปกรณ์ไฟฟ้าโซลาร์และเปิดไฟฟ้าให้กับครอบครัวนางแฉล้ม  เหี้ยมโท้ อายุ 82 ปี บ้านเลขที่ 80 ม.9 ตำบลเขาดิน อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์      กรณีดังกล่าวเกิดจากครอบครัวของนางแฉล้ม​ เหี้ยมโท้ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเก้าเลี้ยว ว่าตนเองปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่เป็นแปลงนาของตนพร้อมกับบ้านลูกสาวอีกหลังหนึ่ง แต่ไม่สามารถขอติดตั้งรไฟฟ้าและน้ำประปาจากทางราชการได้ เนื่องจากถูกแจ้งว่าที่ดินบริเวณปลูกบ้านในปัจจุบันเป็นที่ทับซ้อนกับที่สาธารณะบึงเพรียง ตำบลเขาดิน จึงไม่สามารถไปขอออกบ้านเลขที่ได้และไม่สามารถขอใช้ไฟฟ้าและประปาได้ซึ่งเรื่องที่ดินดังกล่าวกำลังรอเจ้าหน้าที่ดินมาตรวจสอบอีกครั้ง   เมื่อนายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเก้าเลี้ยว ได้ทราบเรื่องจึงได้ลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริง ซึ่งพยานหลักฐานต่าง​ ๆ​ เป็นไปตามนั้น จึงได้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วยการเรี่ยไรขอรับบริจาคบริจาคเงินเพื่อช่วยกันซื้ออุปกรณ์แผลงโซล่าเซลล์ให้กับครอบครัวนางแฉล้ม เหี้ยมโท้ พร้อมลูกสาวดังกล่าว โดยบ้านแต่ละหลังประกอบด้วยแผลงโซล่าเซลล์ 1แผลง /หลอดไฟฟ้าส่องสว่าง 3 หลอด   จากการสอบถามนางแฉล้ม เหี้ยมโท้ ได้บอกความรู้สึกว่ารู้สึกดีใจมากๆที่จะได้ใช้ไฟฟ้าเป็นแสงสว่างในการดำเนินชีวิตในบ้านตอนกลางคืน ซึ่งแต่ก่อนตนต้องใช้ตะเกียงมาเป็นเวลา 30 ปีแล้ว   เคยไปร้องขอความช่วยเหลือกับทางอำเภอหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ได้บอกตนเองมาตลอดว่าที่ดินของตนเป็นเขตสาธารณะบึงเพรียง ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย จนตนเองหมดหวังและหมดกำลังใจแล้ว  แต่ตนได้ข่าวว่านายอำเภอคนนี้ใจดี ดูแลทุกข์สุขชาวบ้านตลอดที่ได้ฟังเขามา จึงลองให้หลานเขียนหนังสือขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเก้าเลี้ยว ซึ่งไม่นานนายอำเภอท่านนี้ได้ลงมาดูและช่วยเหลือตนดังกล่าวในวันนี้ จึงขออนุโมทนาสาธุด้วยที่มาสร้างฝันของตัวเองและครอบครัวลูกหลานให้เป็นจริงส่วนทางด้าน​ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาดินเผยว่า​ ตนได้ลงมาสำรวจนานแล้วและได้แจ้งให้นางแฉล้มทราบว่าที่แปลงดังกล่าวมันซับซ้อนกับที่สาธารณะ​บึงเพียง​ จึงไม่สามารถต่อน้ำประปาและไฟฟ้าให้ใช้ได้ ถึงได้ช่วยเหลือทางด้านเครื่องอุปโภคบริโภค เท่านั้น!!!!!! ต้อย​รอบ​รั้ว​ภูธร​  0619525644!!!!!! 

ร้าน"BON BON" แจกข้าวกล่องพม่าฟรีช่วงโควิดระบาด​

ผู้ประกอบการร้านอาหารจังหวัดนครสวรรค์ใจดีแจกข้าวกล่องแรงงานพม่าฟรีช่วงโควิด-19ระบาด  เผยหากเดือดร้อนเชิญที่ร้านครัวเปิด5โมงเย็นถึงเที่ยงคืนรับข้าวกล่องกลับบ้านฟรีเจ้าของร้านอาหารในจังหวัดนครสวรรค์ติดป้ายเชิญชานหน้าร้านข้อความ  แรงงานพม่าที่ไม่มีข้าวกินหรือไม่มีใครขายให้มาที่ร้านบอลบอลนครสวรรค์  พร้อมสั่งคนครัวเตรียมวัตถุดิบประกอบอาหารใส่กล่องแจกจ่ายกับแรงงานชาวพม่าฟรี  จากการเปิดเผยของนายอภิชัย ชลานันต์  เจ้าของร้านอาหารบอลบอลนครสวรรค์ บอกว่า  หลังจากที่มีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา  ทำให้แรงงานพม่าที่มีอยู่ในเมืองไทยบางส่วนได้รับผลกระทบเนื่องจากประชาชนบางส่วนกลัวได้รับเชื้อจากแรงงานดังกล่าว  ซึ่งการออกไปหาซื้อวัตุดิบมาประกอบอาหารเองหรือการไปซื้ออาหารสำเร็จรูปตามร้านอาหารต่างๆอาจไม่ได้รับความสะดวก  ดังนั้นทางร้านจึงเห็นใจกลุ่มแรงงานข้ามชาติเหล่านี้จึงมีแนวคิดว่าจะทำอาหารแจกจ่ายแรงงานต่างด้าวพม่าฟรี  โดยร้านอาหารของตนครัวจะเปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 17.00น.ไปจนถึง 24.00 น. ซึ่งถ้าหากแรงงานได้รับความเดือดร้อนเรื่องอาหารให้มาที่ร้านและสามรถรับข้าวกล่องกลับไปรับประทานที่บ้านพักได้ฟรี และจะแจกไปจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​  0619525644!!!!! 

สภ.เมืองนครสวรรค์​ รวบ​ 2​ ผัวเมีย​ คาบ้านเช่าทำแบงค์ปลอมใส่ตู้บุญเติมสารภาพเลียนแบบมาจากแอปดัง

วันนี้ (29 ธันวาคม 2563) ที่งานฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ โดย พ.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา รองผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ร่วมกันแถลงผลจับผู้ต้องหาร่วมกันปลอมเงินตรา โดยมีผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายนัทธพงศ์ นาคพาสิงห์ อายุ 27 ปี และ น.ส.ศศินภา นาคพาสิงห์ อายุ 21 ปี ทั้งคู่เป็น ชาว อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 170/10 หมู่ 12 ต.ทุ่งทอง อ.หนองบัว เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา พร้อมของกลางธนบัตรปลอมแบบถ่ายเอกสารสี ซึ่งเป็นแบงก์ 500 บาท จำนวน 1 ใบ แบงก์ 100 บาท จำนวน 609 ใบ รวมถึงเครื่องปลิ้นเตอร์สีที่ใช้ปลอมแปลงธนบัตรรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ดรีม สีชมพูขาว ทะเบียน 1กฎ 5882 นครสวรรค์ และโทรศัพท์มือถืออีก 2 เครื่องสำหรับพฤติการณ์ของ 2 ผู้ต้องหารายนี้ ถูกเปิดเผยเมื่อตัวแทนของบริษัท บ้านเทเลคอม (2005) จำกัด ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องเรียนกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อลูกค้าหลายเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าของตู้เติมเงินบุญเติม และตัวแทนให้บริการเติมเงินผ่านระบบออนไลน์ ในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ ได้แจ้งเข้ามายังบริษัทว่า มีบุคคลไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ใช้ธนบัตรปลอม ที่ทำจากการถ่ายเอกสารสี ฉบับละ 500 และ 100 บาท มาใช้กับตู้เติมเงินบุญเติม และให้โอนเข้าระบบบัญชีธนาคารกสิกรไทย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 60,900 บาท จึงได้มีการเริ่มกระบวนการสืบสวนสอบสวน ตรวจภาพกล้องวงจรปิด ก็พบภาพของผู้ต้องสงสัยเป็นชายหนุ่มและหญิงสาว ใช้รถจักรยานยนต์สีชมพูขาว ขับขี่ตระเวนไปเติมเงินกับตู้ตัวแทนหลายจุด ประกอบกับทางบริษัท ได้มีการเช็คชื่อบัญชีธนาคารที่รับโอนเงินด้วย จึงทำให้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายนัทธพงศ์ และ น.ส.ศศินภา ซึ่งทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน และมีถิ่นพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.หนองบัว จึงได้รวบรวมหลักฐานก่อนจะขออนุมัติหมายค้นไปตรวจสอบที่บ้านของทั้งคู่ พบ หลักฐานแบงก์ปลอมจำนวนหนึ่ง รวมถึงเครื่องปลิ้นเตอร์ที่ใช้ทำธนบัตรปลอม และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐานก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนจากการสอบสวนในเบื้องต้น นายนัทธพงศ์ และ น.ส.ศศินภา ต่างให้การยอมรับสารภาพว่ามีการใช้ธนบัตรปลอมไปเติมเงินของตู้บุญเติมเพื่อฝากเข้าบัญชีธนคารจริง โดยมีการศึกษาวิธีการทำแบงก์ปลอมมาจากคลิปแอฟพิเคชั่น Tik Tok และนำมาลองทำเอง ซึ่งมีการลงทุนซื้อเครื่องปลิ้นเตอร์ยี่ห้อดังมา 1 เครื่อง มาทำการแสกนภาพกับธนบัตรจริงก่อนจะมีการปลิ้นสีออกมา ส่วนกระดาษที่นำมาปลิ้นก็จะใช้กระดาษจากเครื่องปลิ้นเตอร์ยี่ห้อนั้น และเมื่อปลิ้นออกมาแล้ว แม้จะรู้สึกได้ว่าไม่เหมือนแบงก์จริงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อเอาไปลองกับตู้เติมเงินมือถือของตู่บุญเติมแล้ว กลับใช้เติมเงินเข้าระบบมือถือได้ปกติ จึงได้คิดการใหญ่ ด้วยการลงทุนทำธนบัตรปลอม ทั้งแบงก์ 500 และแบงก์ 100 บาท รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ไปตระเวนเติมตามตู้เติมเงินของบุญเติม เพื่อเปลี่ยนจากเงินปลอมให้กลายเป็นเงินจริง นำฝากเข้าระบบบัญชีธนาคารของกสิกรไทย ชื่อบัญชีของนายนัทธพงศ์ โดยได้มีการใช้รถจักรยานยนต์ขี่จาก อ.หนองบัว เข้าพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อนำแบงก์ปลอมไปเติมเงินเข้าตู้บุญเติม และผันเงินผ่านเข้าบัญชีไปแล้วกว่า 60,900 บาท ส่วนนำเงินที่ได้ จะไปใช้จ่ายส่วนตัว กับตระเวนท่องเที่ยว จนกระทั่งมาถูกจับกุมตัวดังกล่าวซึ่งในเบื้องต้น นอกจาก นายนัทธพงศ์ และ น.ส.ศศินภา จะถูกแจ้งข้อหาร่วมกันปลอมเงินตราแล้ว ยังถูกแจ้งอีกข้อหาฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมด้วย จากนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งคู่ พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนไปดำเนินคดีตามกฏหมายในขั้นตอนต่อไป!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​  0619525644​ -​ 0886436594!!!!!!! 

สุดระทึกพายุฤดูร้อนพัดเสาไฟฟ้าล้มทับรถยนต์ขณะเจ้าของนั่งอยู่ในรถ​

เมื่อเวลา17.00น.วันที่3พ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดพายุฤดูร้อนพัดถนนอ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย นานกว่าครึ่งชั่วโมงซึ่งมีทั้งลมกรรโช...