ต้อยทูเดย์ออนไลน์ Toytodayonline

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

กองทัพภาคที่ 3 แนะนำการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ดีต่อสุขภาพวันที่ 27 มกราคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 118

ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช รอง โฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.- การมีสุขภาพดี เราต้องดูแลตนเอง นอกจากอาหาร อากาศบริสุทธิ์ และจิตใจสบายไม่เครียดแล้ว     การออกกำลังกายให้สุขภาพดีนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่มักจะมีข้อแก้ตัวบ่อยๆ ว่า ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ความจริงแล้วไม่ต้องใช้เวลามากมายเพียงแค่วันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ก็พอ จะเกิดผลดีต่อหัวใจและปอด และก็ไม่ต้องใช้พื้นที่มากมายหรือเครื่องมือราคาแพงอะไร มีเพียงพื้นที่ในการเดินก็พอแล้ว วิธีดีที่สุดคือการเดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ในกรณีที่สิ่งแวดล้อมของหมู่บ้านไม่สะดวกหรือเสี่ยงกับอุบัติเหตุ อาจใช้วิธีถีบจักรยานอยู่กับที่หรือเดินบนสายพานในขณะที่ฟังข่าวหรือดูละคร โทรทัศน์ ต้องถือว่าการออกกำลังกายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวัน ซึ่งประโยชน์ของการออกกำลังกายนั้น จะทำให้รูปร่างสมส่วน กล้ามเนื้อแข็งแรง ลดไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ช่วยลดน้ำหนัก ป้องกันโรคหัวใจ หัวใจแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ และกล้ามเนื้อหัวใจตาย ความดันโลหิตลดลง ลดโอกาสเกิดความดันโลหิตสูง และเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ป้องกันโรคอ้วน ป้องกันโรคกระดูกพรุน เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น ป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน ป้องกันโรคภูมิแพ้ เพิ่มภูมิต้านทานโรคลดไขมัน ในเลือด ทำให้โคเลสเตอรอล, ไตรกลีเซอไรด์, LDL ลดลง เพิ่มไขมันดีในเลือด คือ HDL ที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ร่างกายสดชื่น ลดความเครียด จากการที่สมองผลิตฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อ เอนดอร์ฟิน ออกมาในขณะออกกำลังกาย ฮอร์โมนนี้มีลักษณะคล้ายมอร์ฟีน จึงทำให้รู้สึกเป็นสุข ช่วยให้นอนหลับสบายและหลับสนิท ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยให้ท้องไม่ผูก เพราะลำไส้มีการขยับตัวดีขึ้น โดยหลักการและวิธีการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี ดีต่อสุขภาพ ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้.- 1. การอบอุ่นร่างกาย (Warm – Up) มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับร่างกายให้พร้อมก่อนที่จะออกกำลังจริงๆ โดยจะมีผลทำให้มีการเพิ่มอุณหภูมิของกล้ามเนื้อ ทำให้มีการเพิ่มความเร็วของการชักนำกระแสประสาท ลดการยึดตึงของกล้ามเนื้อเป็นผลให้การหดตัวของกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น เพิ่มออกซิเจนไปยังกล้ามเนื้อโดยมีการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยและเพิ่มความสามารถการจับออกซิเจนได้มากขึ้น ช่วยปรับความไวของศูนย์การหายใจต่อการกระตุ้นและช่วยเพิ่มจำนวนเลือดที่ไหลกลับหัวใจ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดการบาดเจ็บขณะออกกำลังกาย มักจะใช้เวลาประมาณ 5 -10 นาที โดยมีการเคลื่อนไหวของร่างกายทุกส่วน 2. การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Stretching) เป็นการเตรียมสภาพการทำงานของกระดูก ข้อต่อ เอ็น พังพืด และกล้ามเนื้อ ด้วยการเพิ่มมุมการเคลื่อนไหวของบริเวณข้อต่อ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางด้านความเร็วและความคล่องแคล่วว่องไว วิธีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อเริ่มจากทำการยืดค้างไว้ในจังหวะสุดท้ายของการเคลื่อนไหว จากนั้นทำการยืดจนกระทั่งถึงจุดที่รู้สึกว่ามีอาการปวดตึงกล้ามเนื้อเกิดขึ้น ณ จุดนี้ให้ควบคุมท่าการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งค้างไว้ประมาณ 10-30 วินาที 3. การออกกำลังกาย (Exercise) 3.1 การออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจน (Anaerobic Exercise) เป็นการออกกำลังกายช่วงสั้นๆ สลับกับการพัก ใช้ระบบพลังงานที่มีสำรองในกล้ามเนื้ออยู่แล้ว การออกกำลังกายในช่วงนี้ใช้เวลา 0 - 30 วินาที ตัวอย่างเช่น ยกน้ำหนัก กอล์ฟ วิ่งระยะสั้น และ กรีฑาประเภทลาน เป็นต้น 3.2 การออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน (Aerobic Exercise) เป็นการออกกำลังกายในเวลาที่ยาวนานขึ้น มีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ ไม่หยุดพัก ทำให้การใช้ระบบพลังงานสำรองในกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ ร่างกายจึงต้องหายใจเอาออกซิเจนไปเผาผลาญในขบวนการสร้างพลังงานยกตัวอย่างเช่น วิ่งระยะไกล ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว เทนนิส แบดมินตัน เป็นต้น 4. ขั้นคลายอุ่นร่างกายร่วมกับการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Cool Down) คือ การเปิดโอกาสให้ร่างกายค่อยๆปรับตัวกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างต่อเนื่องทีละน้อย ซึ่งเป็นการลดความหนักจากการออกกำลังกายทำให้ร่างกายฟื้นตัวจากอาการเหน็ดเหนื่อยได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และช่วยผ่อนคลายความเครียดพร้อมทั้งอาการปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อ ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 มีความห่วงใยต่อสุขภาพของข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ และเชิญชวนในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน ๆ ละ 20 - 30 นาที เพื่อสุขภาพที่ดี ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจทำงานเพิ่มขึ้น เป็นการบริหารปอด หัวใจ กล้ามเนื้อและข้อต่อให้แข็งแรง ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส ผ่อนคลายความเครียด มีภูมิคุ้มกันโรค ทำให้รูป่างและบุคลิกดี          ช่วยป้องกันโรค และเป็นการใช้เวลาว่างอย่างเป็นประโยชน์ รวมทั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว เพื่อนๆ และคนอื่นๆ อีกด้วย!!!!! ต้อย​รอบ​รั้ว​ภูธร​ 0619525644!!!!!! ​

การรับสมัครทหารกองเกินเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์​

วันที่ 27 มกราคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 118 ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช รอง โฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.- ตามที่ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก มีนโยบายให้กองทัพบกริเริ่ม “การรับสมัครทหารกองเกินเป็นทหารกองประจำการโดยวิธีร้องขอ (กรณีพิเศษ) ด้วยระบบออนไลน์” ในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2564 เพื่อเดินหน้าพัฒนาการตรวจเลือกทหารกองประจำการ มุ่งสู่ระบบทหารกองประจำการอาสา ทดแทนการเรียกเกณฑ์ให้เป็นรูปธรรมในอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงกลาโหม ด้านการปฏิรูปของกองทัพและเพิ่มความหลากหลาย รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้ชายไทยสมัครเป็นทหาร นั้น การสมัครฯ รับเฉพาะชายไทย อายุ 18 - 20 ปี (เกิดปี พ.ศ. 2544 - 2546) ที่ยังไม่ถูกเรียกเข้าเป็นทหารกองประจำการ และทหารกองเกินที่มีอายุ 22 - 29 ปี (เกิดปี พ.ศ. 2535 - 2542) ที่เคยเข้ารับการตรวจเลือกทหารแล้ว แต่ไม่ถูกเข้าประจำการ เพราะจับสลากได้ใบดำ หรือคนที่ได้รับการปล่อยตัวเพราะมีคนร้องขอพอ ให้สามารถสมัครเป็นทหารกองประจำการได้เป็นกรณีพิเศษ โดยเป็นการรับสมัครก่อนการตรวจเลือกฯ ตามปกติ และใช้ช่องทางการสมัครผ่านทางระบบออนไลน์ที่ www.rcm64.rta.mi.th ระหว่างวันที่ 1 - 28 กุมภาพันธ์ 2564 หรือการสมัครด้วยตนเอง โดยมีหน่วยทหารอำนวยความสะดวกนำลงข้อมูลในระบบออนไลน์ให้ สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจเลือกทหารฯ เช่น ไม่จำกัดคุณวุฒิ ไม่จำกัดภูมิลำเนาทหาร มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีโรคที่ขัดต่อการรับราชการทหาร เป็นต้น โดยกองทัพบกกำหนดจำนวนรับสมัครไว้ประมาณ 10,000 อัตรา ทั้งนี้ หลังจากสมัครทางออนไลน์แล้ว ระบบจะแจ้งให้ผู้สมัครได้นำเอกสารหลักฐานไปรายงานตัวต่อคณะกรรมการคัดเลือกในวันที่ 5 มีนาคม 2564 ซึ่งกองทัพบกจะดำเนินการคัดเลือก ผู้ที่มีคุณสมบัติและร่างกายที่เหมาะสมต่อการเข้ารับราชการทหาร ณ มณฑลทหารบก 35 แห่ง ทั่วประเทศ โดยมีผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ร่วมเป็นกรรมการคัดเลือก พร้อมประกาศผลผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรวมถึงหน่วยที่ตนเองจะต้องเข้าประจำการในวันดังกล่าว และจะได้รับการบรรจุเข้าประจำการในผลัดที่ 1/64 คือ ในเดือนพฤษภาคม 2564 ทั้งนี้กระบวนการรับสมัครและคัดเลือกจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยก่อนการตรวจเลือกทหารฯ ในระบบปกติ  สำหรับผู้ที่สมัครเป็นทหารด้วยวิธีพิเศษนี้ สามารถใช้สิทธิ์ลดเวลาประจำการ ตามวุฒิการศึกษา, สามารถเลือกหน่วยทหารที่ตนเองประสงค์เข้าประจำการ ได้เฉพาะหน่วยทหารของกองทัพบก และต้องอยู่ในมณฑลทหารบกในพื้นที่ตามภูมิลำเนาทหาร, หากรับราชการทหารครบ 2 ปี และมีคุณสมบัติครบตามที่ทางราชการกำหนด มีสิทธิ์ในโควตาเฉพาะอีกส่วนหนึ่งในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบกตามที่กองทัพบกจัดสรรให้ (ซึ่งปัจจุบันกองทัพบกจัดสรรโควตาให้ทหารกองประจำการในการสอบเข้าโรงเรียนนายสิบทหารบก ร้อยละ 80 และรับจากบุคคลพลเรือนร้อยละ 20) นอกจากนี้ ผู้ที่สมัครเป็นทหารจะได้รับคะแนนเพิ่มพิเศษอีกร้อยละ 15 ในการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการในสังกัดกองทัพบก รวมทั้งจะได้รับสิทธิสวัสดิการ ค่าตอบแทนเช่นเดียวกับทหารกองประจำการปกติ ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 จึงขอเชิญชวนชายไทยที่สนใจสมัครเป็นทหารตามขั้นตอนข้างต้น เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ ซึ่งนอกจากจะได้ทำงานเพื่อดูแลชาติบ้านเมืองแล้วยังจะได้รับโอกาสอันดีในการต่อยอดสู่การเป็นทหารอาชีพตามกระบวนการส่งเสริม และแนวทางการให้โอกาสทหารกองประจำการที่กองทัพบกได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และขอเรียนย้ำว่าการรับสมัครทางออนไลน์เป็นกรณีพิเศษนี้ รับเฉพาะผู้ที่มีอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ และผู้ที่เคยผ่านการตรวจเลือกทหารมาแล้วเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีอายุ 21 ปี ซึ่งจะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารในปีนี้ไม่สามารถสมัครทางออนไลน์ได้ ต้องเข้ารับการตรวจเลือกตามกระบวนการปกติ ประมาณเดือนเมษายน 2564 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://sassadee.rta.mi.th โทร. 0-2223-3659 เฟซบุ๊ก : กองการสัสดี หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่หน่วยสัสดีทุกแห่งใกล้บ้านท่าน, !!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​0619525644!!!!!! 

การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย ในพื้นที่ภาคเหนือ

วันที่ 27 มกราคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 118 ณ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 พร้อมด้วย พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน และ พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช รอง โฆษกฯ เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ ในพื้นที่กองกำลังนเรศวร มีรายละเอียดการดำเนินการปราบปรามที่สำคัญ ดังนี้.- เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากด่านศุลกากรแม่สอด, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ทำการตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดอยู่ที่จุดตรวจร่วมบ้านห้วยหินฝน ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก มีรถยนต์ขนส่งพัสดุของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หมายเลขทะเบียนรถจังหวัดนครสวรรค์ ขับผ่านมาที่จุดตรวจ/จุดสกัด จากการตรวจสอบภายในรถพบกล่องพัสดุ จำนวน 7 กล่อง  ภายในกล่องมีสิ่งของที่ทำด้วยทองเหลืองและตุ๊กตาไม้ โดยไม่ปรากฏหลักฐานการผ่านขั้นตอนทางศุลกากร  ต่อมาในวันเดียวกันเวลาประมาณ 17.40 น. เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปฏิบัติงานตามข้างต้น ได้ตรวจพบรถยนต์ขนส่งพัสดุของบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่ง หมายเลขทะเบียนรถจังหวัดตาก ขับผ่านมาที่จุดตรวจ/จุดสกัด จากการตรวจสอบภายในรถพบกล่องพัสดุ จำนวน 23 กล่อง ภายในกล่องมีเครื่องมือช่างและเลื่อยโซ่ยนต์     โดยไม่ปรากฏหลักฐานการผ่านขั้นตอนทางศุลกากรเช่นกัน  เจ้าหน้าที่จึงร่วมกันอายัดสินค้าดังกล่าวทั้ง 2 กรณี ไว้เพื่อตรวจสอบและให้เจ้าของสินค้านำเอกสารหลักฐานมาสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรแม่สอด ต่อไป ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ในการสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายไม่ผ่านการเสียภาษี ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ไม่มีการตรวจสอบและกักกันโรค รวมทั้งไม่มีการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานของหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชนผู้บริโภคได้!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ 0619525644!!!!! 

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564

ศรีสะเกษ ชาวบ้านแห่กราบขอพรสมเด็จองค์ปฐมสมปรารถนา-หลวงปู่เงาะ-หลวงพ่อคูณ แกะสลักจากไม้ตะเคียนยักษ์​

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดธาตุบึงบอน ต.บึงบอน อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ                                                            พระครูมหาพุทธาปรัชญุภัทร์ ญาณวุฑฺโฒ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอยางชุมน้อย พร้อมด้วย พระครูวิจิตร                            วีรานุวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดธาตุบึงบอน พระครูวินัยธรศักดิ์มนตรี ปภัสโร (พระอาจารย์โชติ) เจ้าอาวาสวัด                            ศรีสมบูรณ์รัตนาราม ได้นำพุทธศาสนิกชนและชาวบ้านในพื้นที่ร่วมกันจัดงานมหามงคล พิธีมหาเทวา พุทธาภิเษกสมโภช สมเด็จองค์ปฐมสมปรารถนา พร้อมด้วยรูปเหมือนมหาบูรพาจารย์ แกะสลักจากไม้ตะเคียน ซึ่งเป็นไม้มงคล อายุกว่า 100 ปี สืบสานงานประเพณีบุญกุ้มข้าวใหญ่ และทำบุญทอดถวายผ้าป่าสามัคคี โดยมีขบวนแห่นางรำจากชาวบ้านในพื้นที่ และจากกลุ่มศิลปินรากหญ้า กะลาทองคำเรคคอร์ด ฟ้อนรำเฉลิมฉลองอย่างสวยงามและยิ่งใหญ่ตระการตา พระครูมหาพุทธาปรัชญุภัทร์ ญาณวุฑฺโฒ เลขานุการเจ้าคณะอำเภอยางชุมน้อย กล่าวว่า วัดธาตุบึงบอน เป็นวัดเก่าแก่มีอายุกว่า 300 ปี โดยหลวงพ่อ พระครูวิจิตร วีรานุวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดธาตุบึงบอน ได้มีแนวคิดนำไม้ตะเคียนยักษ์ขนาด 2-3 คนโอบ ที่ชาวบ้านขุดพบแล้วนำมาถวายวัด มาทำการแกะสลักเป็นองค์พระ จำนวน 3 องค์ ประกอบด้วย สมเด็จองค์ปฐมสมปรารถนา ทรงเครื่องจักรพรรดิ์ ปางเปิดโลก เป็นปางพระยืน สูงประมาณ 3 เมตร รูปแกะสลักองค์หลวงปู่เงาะ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ผู้บุกเบิกก่อตั้งวัดแห่งนี้เมื่อ 300 ปีที่ผ่าน และรูปแกะสลักองค์หลวงพ่อพระครูปภากรโกศล หรือหลวงพ่อคูณ ปรากาโร อดีตเจ้าอาวาส ขนาดองค์พระสูงประมาณ 2 เมตร ซึ่งทั้ง 3 องค์ แกะสลักจากไม้ตะเคียนทั้งหมด โดยช่างฝีมือชาวบ้านในพื้นที่ ส่งผลทำให้ชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่ร่วมพิธีและกราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภกันอย่างคึกคัก เนื่องจากชาวบ้านไม่เคยพบเห็นองค์พระที่ไหนในประเทศไทยที่แกะสลักจากไม้ตะเคียนอายุกว่า 100 ปีมาก่อนนั่นเอง////////ภาพ / ข่าว  ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ 

ไชยปราการ เชียงใหม่ข่าวจับยาบ้าและปืนเถื่อน​ 3​ ราย​

27มค2564 เวลา1300นพ.ต.อ.พิธาน  ขวัญเมือง ผกก.สภ.ไชยปราการ พ.ต.ท.ชาญยุทธ ไชยมะโน รอง ผกก.สส.สภ.ไชยปราการ  เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สภ.ไชยปราการนำโดย พ.ต.ต.วันเฉลิม  ทาสมบูรณ์ สว.สส.สภ.ไชยปราการ ,ร.ต.อ.ชาตรี ศรีคำจักร์ ,ร.ต.อ.แดน แสนอาสา เลขบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. 590253 ,ร.ต.อ.กฤษณะ  มั่นกันนาน เลขบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. 584471 ร.ต.ท.ยุทธนา ไชยลังการ์ พร้อมพวกได้ร่วมทำการจับกุม ผู้ต้องหาพร้อม3ราย พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 183  เม็ด เพื่อจำหน่ายยาบ้า ,เสพ และครอบครองอาวุธปืน จับกุมนายสมบัติ  ชมชื่น อายุ 54 ปี ที่อยู่ 9849 ม.5 ต.ปงตำ อ.ไชยปราการ นายวิเชษฐ์  ญานะเจริญ อายุ 33  ปี ที่อยู่ 154/2 หมู่ 7  ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่  นายพิมล  หน่อคำ อายุ 53  ปี ที่อยู่ 229 หมู่ 5  ต.แม่ข่า อ.ฝาง  จ.เชียงใหม่ในหมู่บ้านป่ารวก ม.5 ต.ปงตำ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เป็นแหล่งลักลอบจำหน่ายยาเสพติดและมั่วสุมเสพยาเสพติด (โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบข้อมูลของกระท่อมหลังดังกล่าวแล้ว) จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และสั่งการให้ตรวจสอบและตรวจค้นกระท่อมหลังดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าตำรวจ สภ.ไชยปราการ  ได้เดินทางถึงบริเวณกระท่อมดังกล่าวพบนายสมบัติ  ชมชื่น (ทราบชื่อภายหลัง) นั่งอยู่ด้านในกระท่อมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เพื่อขอทำการตรวจสอบและตรวจค้น โดยก่อนทำการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้นายสมบัติฯ ดูจนเป็นที่พอใจและนายนายสมบัติฯ ยินยอม สมัครใจ ให้ทำการตรวจค้น จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจึงทำการตรวจค้นตัวนายสมศักดิ์ หรือแดงฯ ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นจึงนำตัวนายสมศักดิ์ หรือแดงฯ เข้าตรวจค้นบริเวณกระท่อมดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 124 เม็ด (ตามของกลางลำดับที่ 1) ,อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก (ตามของกลางลำดับที่ 3)  และเครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 2 นัด (ตามของกลางลำดับที่ 4) ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล ซึ่งแขวนอยู่ข้างฝาผนังของกระท่อมไม่มีเลขที่ ม.5 ต.ปงตำ อ.ไชยปราการฯ และพบยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวน 59 เม็ด (ตามของกลางลำดับที่ 2) วางอยู่บนที่นอนภายในกระท่อมไม่มีเลขที่ ม.5 ต.ปงตำ อ.ไชยปราการฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบถามที่มาเกี่ยวกับยาเสพติดดังกล่าว และนายสมบัติฯ ให้การรับว่า “ยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวนดังกล่าวเป็นของตนเองจริง  โดยตนซื้อยาเสพติด(ยาบ้า) มาจากนายกบ (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) เป็น ต.ปงตำ อ.ไชยปราการฯ มาจำนวน 1 ถุง (ประมาณ 200 เม็ด) ในราคา 1 ถุง ถุงละ 8,000 บาท ไปแล้วบางส่วน โดยตนได้เสพยาเสพติด (ยาบ้า) มาก่อนนี้จริง จำนวน 2-3 เม็ด โดยวิธีลนด้วยความร้อนแล้วสูดดมควันเข้าสู่ร่างกาย” จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมจึงได้นำตัวนายสมบัติฯ ไปตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะที่โรงพยาบาลไชยปราการ โดยนายสมบัติฯ ให้ความยินยอมด้วยความสมัครใจ ผลการตรวจปัสสาวะมีผลเป็นบวกตามใบรับรองของแพทย์ และเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายสมบัติฯ พร้อมของกลางเดินทางกลับมายัง สภ.ไชยปราการ เพื่อทำบันทึกการจับกุมพร้อมแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับและข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพงส.สภ.ไชยปราการ เพื่อดำเนินคดีต่อไป!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ 0619525644!!!! 

รร.เก้าเลี้ยว​ เปิดกิจกรรมรณรงค์​อบบรมให้ความรู้​ วัยรุ่น​ วัยใส​ รักอย่างไรให้ปลอดภัย​

วันนี้(๒๗ ม.ค.๖๔) เวลา ๑๔.๐๐ น.นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอเก้าเลี้ยว เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์อบรมให้ความรู้ วัยรุ่นวัยใส รักอย่างไรให้ปลอดภัย ห่างไกลโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ โดยเครือข่ายความหลากหลายทางเพศจังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับชมรมนางฟ้าเก้าเลี้ยว  ได้รับ สนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานควบคุมโรคที่ ๓ นครสวรรค์ สำนักงานสาธารณสุขนครสวรรค์ โดยมีการบรรยายและแบ่งฐานเรียนรู้ ๓ ฐาน เพื่อให้ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ การป้องกันโรคเหล่านั้น การป้องกันการมีครรภ์ก่อนวัยอันควร  ซึ่งกล่มเป้าหมายคือนักเรียนชั้นมัธยมต้น โรงเรียนเก้าเกลี้ยววิทยา จำนวน ๑๕๐ คน ณ อาคารโรงเรียนเก้าเลี้ยววิทยา อ.เก้าเลี้ยว     ทั้งนี้มีสาธารณสุขอำเภอเก้าเลี้ยว ผอ.รร.เก้าเลี้ยววิทยาพร้อมคณะครู  จนท.จากสสจ. จว.นว. สนง.ควบคุมโรคที่ ๓ นครสวรรค์ เจ้าหน้าที่จากชมรมนางฟ้าเก้าเลี้ยวเข้าร่วมด้วย!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​ ​0619525644!!!!!! 

เสี่ยโอเกะหึงโหดยิงกลางหน้าผากกิ๊กสาวคราวลูกดับ"อ้างปืนลั่น"

เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 27 มกราคม 2564 ร.ต.อ.วิสุทธิ์ พูลการขาย รอง สว.สส.สภ.ลาดยาว ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันตายภายในร้านอาหารเพื่อนแจง เลขที่ 35/1 หมู่ 11 ต.ลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ลาดยาว แพทย์เวรโรงพยาบาล และเจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เปิดเป็นร้านอาหารชื่อดังของอำเภอ มีพื้นที่บริการให้นั่งดื่มกิน และบางส่วนเป็นห้องให้บริการลูกค้าร้องเพลงคาราโอเกะ ทางเจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.แอ๋ม (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นอนเสียชีวิตคาอยู่หน้าประตูห้องทำงานของเจ้าของร้านอาหารดังกล่าว ซึ่งอยู่บริเวณท้ายร้าน ในสภาพมีรอยบาดแผลถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่กลางหน้าผากจนเป็นรู และในที่เกิดเหตุ พบว่ามีปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 1 ปอก ส่วนภายในร้าน พบนายนิธิวัช หรือแจง โรจนสุขเกษตร อายุ 42 ปี นั่งอยู่ในสภาพเศร้าโศกเสียใจอยู่บนพื้นภายในร้าน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าสอบถาม นายนิธิวัช จึงได้กับมอบอาวุธปืนสั้น กึ่งอัตโนมัติ แบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .380 ให้กับตำรวจ พร้อมกับให้การอ้างว่า เป็นผู้ทำอาวุธปืนลั่นใส่ น.ส.แอ๋ม ซึ่งเป็นแฟนสาวจนเสียชีวิตนายนิธิวัช ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า เป็นเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ และหลังจากปิดบริการ ได้มานั่งดื่มสังสรรค์กับบรรดากลุ่มเพื่อนและลูกน้องกันต่อภายในร้าน แต่ในระหว่างนั้น พบ น.ส.แอ๋ม ซึ่งเป็นเด็กเสิร์ฟของร้าน กำลังจะกลับบ้าน จึงได้มีการเรียกมาต่อว่า เรื่องที่ น.ส.แอ๋ม ได้ออกไปเที่ยวต่อหลังร้านของตนปิดเมื่อวันก่อน แต่กลับถูก น.ส.แอ๋ม เถียงกลับ เลยทำให้เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง จึงทำให้รู้สึกโมโห เดินเข้าไปหยิบปืนที่ห้องทำงาน ซึ่งเป็นจังหวะที่ น.ส.แอ๋ม เดินตามมาด้วย จึงได้เอาปืนของตนเล็งไปจ่อที่กลางหน้าผากของ น.ส.แอ๋ม เพื่อหวังข่มขู่ให้เชื่อฟัง แต่ก็ไม่คาดคิดว่า อาวุธปืนจะลั่นใส่กลางหน้าผาก น.ส.แอ๋ม จนทำให้ถึงแก่ความตายอย่างไรก็ตาม ภาพหลังจากเกิดเหตุ ปรากฏว่า มีเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง ได้มีการนำภาพเหตุการณ์ดังกล่าวไปโพสต์ ในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต โดยมีการระบุข้อความที่โพสต์ว่า “เมื่อช่วงประมาณ 02.40น. นายจ้างร้านอาหาร-คาราโอเกะ ได้มีปากเสียงกับลูกจ้างสาวในร้าน ระหว่างที่มีปากเสียงนายจ้างได้ใช้ปืนจ่อไปที่ศีรษะของลูกจ้างสาวแล้วยิงทันทีจนเสียชีวิต (มีพยานในที่เกิดเหตุ) แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำนายจ้างกลับให้การว่าปืนลั่นไปเอง ไม่ได้ตั้งใจยิง ทางญาติเกรงว่าคดีจะเงียบและไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากนายจ้างรู้จักกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่” โดยมีคอมเมนต์ของชาวเน็ตมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างดุเดือด และต่างมองว่าน่าจะเป็นการจงใจยิงมากกว่าสำหรับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามกับนายรังสรรค์ นัตติสุทธิ์ อายุ 50 ปี เป็นบิดาของ น.ส.แอ๋ม ที่ถูกยิงเสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ได้เลิกรากับแม่ น.ส.แอ๋ม ซึ่งเป็นบุตรสาวของตนนานแล้ว จึงทำให้บุตรสาวพักอาศัยอยู่กับภรรยา ส่วนตนอยู่กับภรรยาใหม่ที่บ้านอีกหลัง ในพื้นที่ ต.ศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว จึงทำให้ไม่ได้ทราบเรื่องราวของลูกสาวนัก และก็เพิ่งจะมารู้กับปากของอดีตภรรยาตนว่า บุตรสาวได้ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านของนายนิธิวัชมาประมาณ 1 ปีแล้ว และในระหว่างที่ทำงานอยู่ที่นั่น นายนิธิวัชและบุตรสาวก็ได้มีการแอบคบหากันในลักษณะเป็นกิ๊ก เนื่องจากนายนิธิวัชมีภรรยาและมีลูกอยู่แล้ว ส่วนเหตุที่ทำให้บุตรสาวถูกยิงตายนั้น ทราบว่า เป็นเพราะนายนิธิวัชไปสืบทราบว่า เมื่อวันก่อน บุตรสาวได้แอบไปเที่ยวต่อกับกลุ่มเพื่อนๆ หลังเลิกร้าน จึงทำให้เกิดความหึงหวงและไม่พอใจ จนกระทั่ง เมื่อวาน นายนิธิวัชจึงได้มีการเรียกบุตรสาวตนเข้าไปต่อว่าก่อนจะเกิดปากเสียง จนทำให้บุตรสาวถูกยิงเสียชีวิต โดยในส่วนนี้ นายนิธิวัชให้การกับตำรวจว่า เป็นเหตุปืนลั่น ไม่ได้เจตนายิง  ซึ่งตนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด“ผมได้ถามแม่ของแอ๋มมาหมดแล้ว ทราบว่า ในระหว่างที่นายแจง (นายนิธิวัช) กับแอ๋ม แอบเป็นกิ๊กกันนั้น แอ๋มมักจะถูกนายแจงทำร้าย เพราะมักจะชอบหึงหวงแอ๋มอยู่บ่อยๆ ประกอบกับ มีเพื่อนของแอ๋มที่ทำงานร้านเดียวกัน มาให้ข้อมูลด้วยว่า ในระหว่างที่ทำงานเมื่อคืน เห็นนายแจงมีอาการไม่พอใจ ที่เห็นแอ๋มไปนั่งคลอเคลียร์กับลูกค้าเกินงาม จึงเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ นายแจงตั้งใจเจตนาใช้อาวุธปืนยิงแอ๋มจนเสียชีวิตอย่างแน่นอน ซึ่งมันทำให้ผมเป็นห่วงว่า เมื่อนายแจงให้การไปในลักษณะปืนลั่น จะทำให้ลูกผมไม่ได้รับความเป็นธรรม และอาจตายฟรีได้ เนื่องจากนายแจงถือเป็นคนที่มีอิทธิพล รู้จักคนเยอะ เกรงว่าจะมีการใช้เส้นสายในการวิ่งเต้นคดี จึงได้มีการให้ญาตินำข้อมูลที่เกิดขึ้นส่งไปยังตามเพจต่างๆ ในเฟซบุ๊ก เพื่อให้ช่วยตีแผ่ในการเรียกร้องความเป็นธรรม” นายรังสรรค์ ระบุในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เข้าสอบถามข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนี้ ทราบจาก ร.ต.อ.ภูริพัศ รัฐนากุล รอง สว.สอบสวน สภ.ลาดยาว ให้การระบุว่า ตั้งเช้าที่ผ่านมา ได้มีการให้บิดามารดา รวมถึงเพื่อนของผู้ตาย มาสอบปากคำ ในการเพิ่มรายละเอียดของสำนวนมารวมกับในส่วนของพยานที่เห็นเหตุการณ์ให้แน่นหนา และขณะนี้ ยังคงต้องสอบปากคำอีกหลายปาก แต่ในส่วนของนายนิธิวัช คู่กรณีที่ตอนแรกให้การว่า เป็นเหตุจากปืนลั่นนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเค้นสอบอย่างละเอียดอย่างหนัก จนสุดท้าย นายนิธิวัชเปิดปากยอมให้การรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้เจตนายิง น.ส.แอ๋มจนตายจริง เพราะหึงหวง และในตอนนี้ ยังได้มีการคุมตัวนายนิธิวัชเอาไว้อยู่ในห้องขัง เพื่อรอการสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะมีการแจ้งข้อหา และส่งศาลไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.🐲🐲รอบรั้ว​ ปากน้ำโพ🐲🐲

ปางสวรรค์!!!!สืบสานบุญ​เดือนหก-ประเพณี​บุญบั้งไฟ​ (บ้านปากด่าน)

เมื่อเวลา​ 10.30 น.​ วันที่ 19 พฤษภาคม 2567 นายมานิตย์​ ไหวไว​ นายอำเภอชุมตาบง เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมบุญ...