แพทย์ทหารห่วงใย เตือนภัย “โรคไข้หูดับ”

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 139 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก นายแพทย์ วิโรจน์ ชนม์สูงเนิน รองโฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.- จากข้อมูลของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า สถานการณ์ของโรคไข้หูดับ ตั้งแต่วันที่   1 มกราคม -11 มิถุนายน 2564 พบผู้ป่วยแล้ว 243 ราย เสียชีวิต 11 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ส่วนภาคที่มีอัตราป่วยที่สุดคือ ภาคเหนือ (พบผู้ป่วย 162 ราย คิดเป็นร้อยละ 66 ของผู้ป่วยทั้งหมด) จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ลำปาง พะเยา อุตรดิตถ์ นครราชสีมา และสุโขทัย ตามลำดับ ส่วนข้อมูลสถานการณ์ของโรคดังกล่าวในปี 2563 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยแล้ว 342 ราย เสียชีวิต 12 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยในภาคเหนือจำนวน 217 ราย คิดเป็นร้อยละ 63 ของผู้ป่วยทั้งหมด ดังนั้น ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามวิธีการป้องกันโรคไข้หูดับอย่างเคร่งครัด อีกทั้ง จากกรณีที่มีรายงานข่าวพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หูดับในจังหวัดพิษณุโลก นั้น กรมควบคุมโรค  ได้ให้ข้อมูลว่า จากรายงานการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยซื้อหมูจากห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งมาประกอบอาหารปิ้งย่างหมูกระทะร่วมกับเพื่อนจำนวนหนึ่ง ต่อมามีอาการท้องเสีย เป็นไข้ อาเจียน ไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก แพทย์สงสัยป่วยด้วยโรคไข้หูดับ จึงนำเลือด ส่งตรวจผลยืนยันติดเชื้อแบคทีเรียสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ต่อมาอาการหนักจนกระทั่งเสียชีวิต ขณะนี้กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สคร.2 พิษณุโลก) ส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค (JIT) เมื่อมีเหตุโรคและภัยสุขภาพ ลงพื้นที่ร่วมกับโรงพยาบาลพุทธชินราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก และหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องแล้ว พร้อมทั้งสื่อสารและประชาสัมพันธ์ให้หลีกเลี่ยงการกินหมูดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เพราะเสี่ยงป่วยโรคไข้หูดับได้                โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus Suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ 1. เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมู ที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ 2. การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมู  ที่เป็นโรค จากทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา หรือสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย หลังจากได้รับเชื้อ 3-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูให้ทราบเพราะหากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้  ซึ่งผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน ไต มะเร็ง หัวใจ ผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเนื่องจากร่างกาย  มีภูมิต้านทานโรคต่ำ            ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3    มีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ต่อโรคดังกล่าว ขอความร่วมมือประชาชนให้ระมัดระวังเรื่องการประกอบอาหารและรับประทานอาหารดังกล่าว โดยขอให้เน้นการรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ใหม่ และสะอาด โดยเฉพาะเนื้อหมูที่ชำแหละกันเองในหมู่บ้าน และนำมารับประทานดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ หลู้หมูดิบ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีการใส่เลือดหมูดิบผสม หรือการปิ้งย่างไม่สุก ทำให้เสี่ยงโรคไข้หูดับ พร้อมแนะนำวิธีการป้องกันโรคไข้หูดับ ได้แก่ 1. ควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อน ทำสดใหม่ โดยเฉพาะเนื้อหมู ควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากตลาดสด หรือห้างสรรพสินค้า ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์ ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ ขอให้แยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อหมูสุกและดิบออกจากกัน ไม่ใช้เขียงของดิบและของสุกร่วมกัน 2. ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบู๊ทยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง ทั้งนี้ หากพบว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการบ่งชี้ หรือสงสัยว่ามีภาวะหรืออาการขั้นต้น ขอให้ได้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ หรือโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาต่อไป

!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​0619525644!!!!!! 

แพทย์ทหารร่วมมือภาคเอกชนฉีดวัคซีนตัวเลือก ป้องกันโรคโควิด – 19

วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 139 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.- ตามที่ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. 2559 ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นตัวแทนของรัฐบาลประเทศไทยในการดำเนินการประสานติดต่อและนำเข้าวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” จากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาเพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ ซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ประกาศหลักเกณฑ์และข้อกำหนดการจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม ระยะที่ 1 ให้สำหรับองค์กรนิติบุคคลและหน่วยงานเป็นผู้สนับสนุนค่าวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลต่างๆ ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยกำหนดอัตราค่าวัคซีนอยู่ที่ 888 บาทต่อโดสรวมค่าขนส่ง ค่าเก็บรักษาพร้อมประกันผลข้างเคียงจากเมืองไทยประกันภัย ทั้งนี้ ได้เปิดให้องค์กรได้ยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนผ่านระบบออนไลน์เข้ามาระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2564 และได้ประกาศการจัดสรรวัคซีนไปแล้วให้กับ 6,437 องค์กร เป็นจำนวน 779,300 คน โดยพิจารณาตามประเภทการดำเนินธุรกิจที่มีผลต่อการขับเคลื่อนประเทศ ระดับความเสี่ยงของโอกาสในการแพร่เชื้อให้กับสังคม และระดับความเสี่ยงบนพื้นที่ของทำเลที่ตั้งสถานประกอบการวัคซีนตัวเลือก "ซิโนฟาร์ม" ลอตแรกจำนวน 1 ล้านโดส ได้จัดส่งมาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2564 ผ่านการตรวจสอบคุณภาพของวัคซีนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา และได้เริ่มทยอยส่งวัคซีนให้สถานพยาบาลที่รับฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งจะเริ่มกระจายฉีดให้กับองค์กรต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรรตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เพื่อช่วยให้ประชาชนได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันได้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพต่อประเทศชาติและเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มณฑลทหารบกที่ 35 โดย โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก ได้เริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์ม (Sinopharm) เข็มที่ 1 ให้กับองค์กรภาครัฐ และเอกชน ที่ได้มีการลงทะเบียนยื่นขอรับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือก ซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬากรณ์ จำนวน 40 ราย โดยเบื้องต้นพบอาการปกติทุกราย ไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ลดการติดเชื้อ    ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้ปฏิบัติ 5 ขั้นตอนในการรับวัคซีนโควิด 19 อย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค ณ โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดอุตรดิตถ์ทั้งนี้ โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก ได้ร่วมลงนามกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้บริการฉีดวัคซีนตัวเลือก ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) จำนวน 3 บริษัท ประกอบด้วยพนักงาน 568 คน รวมทั้งสิ้น 1,136 โดส มีรายละเอียดดังนี้1. บริษัท อุตรดิตถ์ยนตรกิจ 2. บริษัท เลิฟ ลิสซิ่ง 3. บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด  สำหรับ องค์กรนิติบุคคล และหน่วยงานที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนตัวเลือก ตามเงื่อนไขของ           ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สามารถประสานรายละเอียดการดำเนินการดังกล่าว ได้จากโรงพยาบาลทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ทั้ง 10 แห่ง ได้ตลอดเวลา

!!!!! ต้อย รอบ​รั้ว​ภูธร​0619525644!!!!! 

จังหวัดนครสวรรค์ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม 301 ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ นายปรีชา เดชพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครสวรรค์ ครั้งที่ 25/2564 เพื่อติดตามสถานการณ์ ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และพิจารณาเปิดโรงพยาบาลสนาม ณ สนามกีฬากลางจังหวัดนครสวรรค์ โดยมีนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานการประชุมฯ

!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ภูธร​0619525644!!!! 

นครสวรรค์​ ประชุม​คณะกรรมการ​สรรหา​พนักงานราชการเฉพาะกิจ

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น. ณ ห้องสื่อสาร ชั้น3 ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ นายปรีชา เดชพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสรรหาพนักงานราชการเฉพาะกิจของกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 1/2564 โดยพร้อมด้วยคณะกรรมการฯและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ

!!!! ต้อย ​รอบ​รั้ว​ภูธร​0619525644!!!! 

อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่นายสำราญ แสงสงค์ ข่าวเหตุฆ่าผู้อื่นเสียชีวิตตำรวจตามจับได้แล้ว

30 มิถุนายน2564 เวลา900นโดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.พิธาน  ขวัญเมือง ผกก.สภ.ไชยปราการ ,พ.ต.ท.จรัล   คำปา รอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ พ.ต.ท.ชาญยุทธ  ไชยมะโน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ สภ.ไชยปราการ นำโดย พ.ต.ต.วันเฉลิม  ทาสมบูรณ์ สว.สส.สภ.ไชยปราการ ,ร.ต.อ.ชาตรี ศรีคำจักร์ ,ร.ต.อ.กฤษณะ  มั่นกันนาน ,ร.ต.อ.วัชรสิทธิ์  ศรีจันทร์ ร.ต.ท.ยุทธนา ไชยลังการ์ ,ร.ต.ต.สมพล  วงค์วิลัย พร้อมพวกประกอบด้วย ด.ต.จักรี  กิตติวรรณ ,ด.ต.นิวัฒน์  ทรายมูล ,ด.ต.ชัยวัฒน์ ทาแก้วตรวจสอบพบศพผู้เสียชีวิต นายน้อย  ลุงเฮือง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192/1 หมู่ 7 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ทราบตัวผู้ก่อเหตุ นายจิตวัต หรือนุ้ย พญาวงษ์ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 220 ม.7 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่สถานที่เกิดเหตุ บริเวณร้านอาหารครัวริมน้ำ หมู่ 7 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่กล่าวคือเมื่อวันที่ 30  มิถุนายน 2564  เวลา 07.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้รับแจ้ง จากพนักงานสอบสวนเวร สภ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ ว่าพบศพนายน้อย  ลุงเฮือง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 192/1 หมู่ 7 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการ จว.เชียงใหม่ บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่บริเวณห้องพักร้านครัวริมน้ำ หมู่ 7 ต.ศรีดงเย็น อ.ไชยปราการฯ คาดว่าน่าจะเป็นเหตุฆ่าผู้อื่นต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.ไชยปราการ พร้อมพนักงานสอบสวนเวรนทีมำโดย พตท ไชยา คนชอบจึงเดินทางตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบศพนายน้อยฯ นอนเสียชีวิตภายในห้องนอนของครัวริมน้ำ สภาพศพถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณลำคอ จำนวนหนึ่งแผล จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนได้สอบถามข้อมูลจากคนสนิทของผู้ตาย ได้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุน่าจะเป็นนายนุ้ยซึ่งเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้ (ทราบชื่อภายหลังว่านายจิตวัต  พญาวงษ์)  ต่อมาเวลาประมาณ 08.30 น. ตำรวจชุดสืบสวนจึงเดินทางไปที่บ้านของนายจิตวัต หรือนุ้ยฯ ปรากฏว่าไม่พบตัว จึงได้สืบและติดตามจนพบตัวนายจิตวัต หรือนุ้ยฯ อยู่ที่บ้านญาติ  เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงนำตัวนายจิตวัต หรือนุ้ยฯ มาที่ห้องสืบสวน สภ.ไชยปราการ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยนายจิตวัต หรือนุ้ยฯ ให้การรับว่า เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 28 มิ.ย. 64 เวลาห้วงประมาณ 22.00 – 23.00 น. ตนได้เดินเล่นไปถึงร้านอาหารครัวริมน้ำ พบนายน้อย  ลุงเฮือง ผู้ตายและทำหน้าที่เฝ้าร้านนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านซึ่งร้านปิดอยู่ ตนจึงเข้าไปที่ร้านเพื่อพูดคุยในฐานะคนรู้จักกัน และได้พูดคุยกันประมาณ 30 นาที แล้วเกิดทะเลาะกันขู่จะทำร้ายซึ่งกัน และกันนายจิตวัต หรือนุ้ยฯ ผู้ก่อเหตุจึงลุกขึ้นหยิบมีดเพื่อจะฟันนายน้อยฯ ผู้ตายในมุ้ง โดยเปิดมุ้งเพื่อที่จะฟันนายน้อยฯ และนายน้อยฯ (ผู้ตาย) ได้ฟันตน 1 ครั้งแต่ไม่โดนตน ตนจึงฟันนายน้อยฯ (ผู้ตาย) ไปที่บริเวณลำคอจำนวน 1 ครั้ง และเดินออกจากที่เกิดเหตุไปโดยไม่ทราบว่านายน้อยฯ จะเสียชีวิตหรือไม่ และหลบหนีไปพักบ้านญาติ”  จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการขยายผล บันทึกจับกุมและส่งตัวให้เจ้าพนักงานสอบสวนได้ทำการดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป คดีนี้ทางตำรวจภูธรไชยปราการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วถือว่าการปฏิบัติงานสุดยอด

นายอำเภอเก้าเลี้ยว ทำบุญเลี้ยงเพลพระ เพื่อเป็นสิริมงคล​

วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เวลา 10.09 น. นายสัญญานิลสุพรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 ให้เกียรติเดินทางมาทำบุญร่วมกับนายสรณต ณ ศรีโต นายอำเภอเก้าเลี้ยว ถวายภัตตาหารเพลแด่พระคุณเจ้าจำนวน 9 รูป เนื่องในโอกาสที่มาดำรงตำแหน่งนายอำเภอเก้าเลี้ยวเป็นเวลาครบ 1 เดือน และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ที่ว่าการอำเภอเก้าเลี้ยว ตลอดจนเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ส่วนราชการสังกัดกรมการปกครองสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งมีส่วนราชการอำเภอเก้าเลี้ยว ผู้กำกับสถานีตำรวจ พนักงาน พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระคุณเจ้าบริเวณที่ว่าการอำเภอเก้าเลี้ยวชั้น 1

!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​0619525644!!!!! 

ชาวนาเร่งสูบน้ำก้นคลองชลประทานใส่นาข้าวหลังฝนตกลงมามีน้ำขังก้นคลอง เผยเร่งสูบจนกว่าน้ำจะหมดเพื่อบรรเทาข้าวขาดน้ำตายแล้งชาวนาหมู่ที่2 หมู่ที่8 และหมู่ที่9 พื้นที่ตำบลหนองเต่า อำเภอเก้าเลี้ยว

เก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์  ต้องตั้งเครื่องพร้อมสูบน้ำจากก้นคลองสาธารณะตลอด 24 ชั่วโมงใส่นาข้าว  หลังช่วงสองวันก่อนมีฝนตกลงมาและทำให้น้ำขังในคลองของระบบชลประทานและคลองสาขาเพิ่มมากขึ้น จากการเปิดเผยของชาวนาในพื้นที่บอกว่า  ก่อนหน้านี้น้ำในคลองชลประทานที่รับน้ำมาจากแม่น้ำปิง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำเหลือน้อยแทบไม่พอใส่นาข้าวอยู่แล้ว  ประกอบกับชาวนาทำนากันหลายพื้นที่จึงทำให้น้ำมาไม่ถึงปลายคลอง  ล่าสุดได้มีฝนตกลงมาในพื้นที่บ้างส่งผลให้มีน้ำขังกันคลองเพิ่มมากขึ้น  ในขณะที่ชาวนาริมคลองชลประทานพื้นที่ต่างๆเร่งสูบน้ำใส่นาข้าวเพื่อบรรเทาปัญหาข้าวขาดน้ำและตายแล้ง  โดยติดตั้งเครื่องน้ำพร้อมสูบตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงที่มีน้ำเพื่อต้องการนำน้ำเข้านาข้าวให้ได้มากที่สุด  หรือจนกว่าจะมีฝนมาอีกระรอก

!!!!!อัมพณ จับศรทิพย์​ 0979998240!!!!