นครพนม – ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ แอบลำเลียงกัญชาแห้งอัดแท่ง 680 กก.เข้าลำน้ำสงคราม โชคร้ายเรือแตกกัญชาลอยฟ่องเต็มแม่น้ำ ในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม วันที่ 30 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น. นายปัญญา ประดิษฐ์บุญ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายยุทธพงษ์ มีศรี ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันฯ ร.อ.ธนากร นาเหล็ก ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2109 (ผบ.ทหารพราน 2109) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.ฯ) ร.ต.ท.ธัญชนิต รักษาแสง ผู้บังคับหมวดที่ 2372 (หน่วยย่อย ตชด.237) ไชยบุรี ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 680 แท่ง/กิโลกรัม โดยสามารถตรวจยึดได้รวม 3 จุดด้วยกันสืบเนื่องจากวันที่ 29 ตุลาคมฯ มีชาวบ้านแจ้งเบาะแสถึงกองร้อยทหารพราน 2109 ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.อุทัย นิลเนตร ผบ.กรม ทพ.21 ว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังพื้นที่ชั้นใน คาดพิกัดอยู่ตั้งแต่บ้านพนอมเหนือ หมู่ 5 ต.พนอม อ.ท่าอุเทน ลงมาถึงเขตเทศบาลตำบลท่าอุเทน ร.อ.ธนากร นาเหล็ก จึงประสานกำลังจากตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธร หน่วยกองร้อย.QRF (กองร้อยเคลื่อนที่เร็ว) กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ร.3 พัน.3) ค่ายพระยอดเมืองขวาง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.ฯ) กองร้อยที่ 6 ท่าอุเทน จัดชุดลาดตระเวนอย่างเข้มข้น ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนตั้งแต่ค่ำของวันที่ 29 ตุลาคม กระทั่งใกล้ฟ้าสางชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองกำลังลาดตระเวนมาถึงริมแม่น้ำโขงบ้านนาเหนือ หมู่ 7 ต.ท่าอุเทน พบวัตถุต้องสงสัยเป็นสีดำขนาดใหญ่ ลอยมาติดริมฝั่งแม่น้ำโขง จำนวน 10 ห่อ จึงเข้าตรวจสอบภายในพบเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีแดง นับได้ 400 แท่ง/กก. ขณะเดียวกันชุดลาดตระเวนทหารพรานที่ซุ่มอยู่ในแม่น้ำสงคราม ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาแม่น้ำโขง บ้านตาลปากน้ำ หมู่ 2 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน พบวัตถุต้องสงสัยเป็นห่อสีดำลอยอยู่ริมแม่น้ำสงคราม บริเวณท่ากระชังปลา จึงประสานผู้นำหมู่บ้านเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 2 ห่อๆละ 40 แท่ง รวม 80 แท่ง/กก. และในเวลาไล่เลี่ยกันชุดลาดตระเวน ตชด.2372 พบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายกันลอยอยู่บริเวณปากน้ำสงครามที่ไหลสู่แม่น้ำโขง จำนวน 5 ห่อเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งนับได้ 200 แท่ง/กก. รวมที่ตรวจยึดได้ 680 แท่ง/กก. นอกจากนี้มีชาวบ้านตาลปากน้ำหมู่ 2 ต.ไชยบุรี แจ้งต่อผู้นำชุมชนว่าเรือหาปลาที่จอดอยู่ริมท่าน้ำสงครามได้หายไป 1 ลำ จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับการตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 680 แท่ง/กก.______เบื้องต้นจากการสืบสวนของชุดการข่าว ทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ลำเลียงกัญชาใส่เรือหาปลา กระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 30 ตุลาคมฯ โดยทำทีเป็นเรือหาปลาในแม่น้ำโขง แล่นข้ามมาที่บริเวณปากน้ำจุดบรรจุของแม่น้ำสงครามกับแม่น้ำโขง เพื่อแล่นเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ติดกับแม่น้ำสงคราม ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ด้วยน้ำหนักสิ่งของในลำเรือมีจำนวนมาก จึงทำให้เรือรับน้ำหนักไม่ไหวจึงจมลง ทำให้สิ่งของที่อยู่ในเรือลอยไปตามกระแสน้ำ ส่วนคนขับเรือได้แอบไปขโมยเรือหาปลาของชาวบ้านพายหลบหนีข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม หลังจบการแถลงข่าวจึงลงบันทึกนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปภาพ : ขอบคุณภาพจาก ฉก.ทพ.21 ข่าว : ทวี อภิสกุลชาติ นักข่าวประจำจังหวัดนครพนม/ไทบ้าน นิวส์ (พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร) รายงาน

วันที่ 30 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น. นายปัญญา ประดิษฐ์บุญ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายยุทธพงษ์ มีศรี ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันฯ ร.อ.ธนากร นาเหล็ก ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 2109 (ผบ.ทหารพราน 2109) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.ฯ)  ร.ต.ท.ธัญชนิต รักษาแสง ผู้บังคับหมวดที่ 2372  (หน่วยย่อย ตชด.237) ไชยบุรี ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่งจำนวน 680 แท่ง/กิโลกรัม โดยสามารถตรวจยึดได้รวม 3 จุดด้วยกันสืบเนื่องจากวันที่ 29 ตุลาคมฯ  มีชาวบ้านแจ้งเบาะแสถึงกองร้อยทหารพราน 2109 ภายใต้การอำนวยการของ พ.อ.อุทัย นิลเนตร ผบ.กรม ทพ.21 ว่า จะมีการลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังพื้นที่ชั้นใน คาดพิกัดอยู่ตั้งแต่บ้านพนอมเหนือ หมู่ 5 ต.พนอม      อ.ท่าอุเทน ลงมาถึงเขตเทศบาลตำบลท่าอุเทน ร.อ.ธนากร นาเหล็ก จึงประสานกำลังจากตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจภูธร หน่วยกองร้อย.QRF (กองร้อยเคลื่อนที่เร็ว) กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3  (ร.3 พัน.3) ค่ายพระยอดเมืองขวาง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.ฯ) กองร้อยที่ 6 ท่าอุเทน จัดชุดลาดตระเวนอย่างเข้มข้น ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนตั้งแต่ค่ำของวันที่ 29 ตุลาคม กระทั่งใกล้ฟ้าสางชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครองกำลังลาดตระเวนมาถึงริมแม่น้ำโขงบ้านนาเหนือ หมู่ 7 ต.ท่าอุเทน พบวัตถุต้องสงสัยเป็นสีดำขนาดใหญ่ ลอยมาติดริมฝั่งแม่น้ำโขง จำนวน 10 ห่อ จึงเข้าตรวจสอบภายในพบเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง ห่อหุ้มด้วยกระดาษฟอยล์สีแดง นับได้ 400 แท่ง/กก. ขณะเดียวกันชุดลาดตระเวนทหารพรานที่ซุ่มอยู่ในแม่น้ำสงคราม ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาแม่น้ำโขง บ้านตาลปากน้ำ หมู่ 2 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน พบวัตถุต้องสงสัยเป็นห่อสีดำลอยอยู่ริมแม่น้ำสงคราม บริเวณท่ากระชังปลา จึงประสานผู้นำหมู่บ้านเข้าตรวจสอบบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดเป็นกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 2 ห่อๆละ 40 แท่ง รวม 80 แท่ง/กก. และในเวลาไล่เลี่ยกันชุดลาดตระเวน ตชด.2372 พบวัตถุต้องสงสัยลักษณะคล้ายกันลอยอยู่บริเวณปากน้ำสงครามที่ไหลสู่แม่น้ำโขง จำนวน 5 ห่อเป็นกัญชาแห้งอัดแท่งนับได้ 200 แท่ง/กก. รวมที่ตรวจยึดได้ 680 แท่ง/กก. นอกจากนี้มีชาวบ้านตาลปากน้ำหมู่ 2 ต.ไชยบุรี แจ้งต่อผู้นำชุมชนว่าเรือหาปลาที่จอดอยู่ริมท่าน้ำสงครามได้หายไป 1 ลำ จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับการตรวจยึดกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 680 แท่ง/กก.______เบื้องต้นจากการสืบสวนของชุดการข่าว ทราบว่าขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ลำเลียงกัญชาใส่เรือหาปลา กระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันที่ 30 ตุลาคมฯ โดยทำทีเป็นเรือหาปลาในแม่น้ำโขง แล่นข้ามมาที่บริเวณปากน้ำจุดบรรจุของแม่น้ำสงครามกับแม่น้ำโขง เพื่อแล่นเข้าไปยังหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ติดกับแม่น้ำสงคราม ที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ด้วยน้ำหนักสิ่งของในลำเรือมีจำนวนมาก จึงทำให้เรือรับน้ำหนักไม่ไหวจึงจมลง ทำให้สิ่งของที่อยู่ในเรือลอยไปตามกระแสน้ำ ส่วนคนขับเรือได้แอบไปขโมยเรือหาปลาของชาวบ้านพายหลบหนีข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม หลังจบการแถลงข่าวจึงลงบันทึกนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปภาพ  : ขอบคุณภาพจาก ฉก.ทพ.21

ข่าว : ทวี อภิสกุลชาติ  นักข่าวประจำจังหวัดนครพนม/ไทบ้าน  นิวส์ (พรพิพัฒน์  เพ็ชรสังหาร) รายงาน

วัดเก้าเลี้ยว จัดพอธีอายุวัฒนมงคล พระครูนิวิฐสังคกิจ

วันนี้เวลา  10.00 น.นายสรณต  ณ ศรีโต นายอำเภอเก้าเลี้ยวน ำ หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการฝ่ายปกครอง องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น อำเภอเก้าเลี้ยว ร่วมพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคลพระครูนิวิฐสังคกิจ  เจ้าคณะอำเภอเก้าเลี้ยว / เจ้าอาวาสวัดเก้าเลี้ยวโดยมีศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาฯร่วมพิธีพอสมควร  ที่วัดเก้าเลี้ยวครับ

!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​0619525644!!! 

กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ประสบ​อุทก​ภ​ั​ย

เวลา 09.30 น ณ วัดหนองกระโดน หมู่ที่ 1​4  ตำบลหนองกระโดน​ อำเภอเมืองนครสวรรค์​ นาย ภิญโญ นิ​โรจน์​ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1​  นครสวรรค์ เป็นตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี​ มอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ ตำบลหนองกระโดน​ หมู่ 6 และหมู่  14 ตำบลหนองกระโดน จำนวนจุดล่ะ 250 ชุด โดยมี นายสุวิทย์​ เดชครุฑ นายอำเภอเมือง​นคร​นครสวรรค์​ สำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์     หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่​บ้าน​ อสม.เข้าร่วมในพิธี โดยปฏิบัติตามแนวทาง และมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัดนาย​กิตติ​ ลิ้มศิริชัย  ปลัดอำเภออวุโส เมือง​นครสวรรค์​ กล่าวว่าอำเภอเมืองนครสวรรค์​ ได้รับผลกระทบจาก อิทธิพลของพายุ"เตี้ยนหมู่" ทำให้ประสบปัญหา​ด้านอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2564เป็นต้นมา และจังหวัดนครสวรรค์ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินซึ่งในพื้นที่บ้านหนองกระโดน  อำเภอเมืองนครสรรค์มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจำนวน 16 หมู่บ้าน ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในพื้นที่อำเภอเมือง ยังคงท่วมอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ประสบภัย ที่ต้องการความช่วยเหลือหลายครัวเรือนหลังจากที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ในห้วงเดือนกันยายน 2564 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ต่างๆในพื้นที่อำเภอเมืองไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน และพื้นที่ทางการทางการเกษตรได้รับความเสียหายหลายพันไร่ ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำดังนั้น กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับ ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ดังกล่าว

!!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​0619525644!!!!! ิ 

ศรีสะเกษ พร้อมเปิดผามออีแดงให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปรับพลังสุริยะ 3 แผ่นดิน ลาว กัมพูชา ไทย ผู้ว่าฯประกาศลั่น หนาวนี้ศรีสะเกษพร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

    เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564  ผู้สื่อข่าวรายงายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง  อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร                             ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์  จ.ศรีสะเกษ  นายวัฒนา  พุฒิชาติ  ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย  ดร.กัลยาณี                         ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยว จ.ศรีสะเกษ  นางฐพัชร์รดา ธนินท์จิรานนท์  หัวหน้าสำนักงานจังหวัดศรีสะเกษ และคณะ ได้เดินทางมาสำรวจความพร้อมของการเตรียมที่จะเปิดอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวชมความสวยงามตามธรรมชาติได้ ทั้งนี้เนื่องจากว่า ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์   จันทร์โอชา  นายกรัฐมนรี ได้มีกำหนดที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 64 เป็นต้นไป ซึ่งจากการสำรวจความพร้อมพบว่า มีการปรับปรุงบริเวณรอบผามออีแดงอย่างสวยงาม สถานที่สะอาด ระบบสาธารณูปโภคครบถ้วน  มีเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารคอยให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ส่วนการรักษาความปลอดภัยมีเจ้าหน้าที่ ตชด.และเจ้าหน้าที่ทหาร มาคอยดูแล  โดยผามออีแดง เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ตลอดแนวผามออีแดงมีระยะทางยาวประมาณ 500 เมตร เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนียภาพของแผ่นดินประเทศกัมพูชาที่อยู่ต่ำลงไปอย่างเป็นมุมกว้างได้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  มีธรรมชาติที่สวยงามมาก นักท่องเที่ยวจะมองเห็นสายหมอกที่ลอยอย่างอ้อยอิ่งจากเขตกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนไทย จะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่นมาก นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นความสวยงามของปราสาทพระวิหารได้ด้วยตาเปล่าค่อนข้างชัดเจน บริเวณผามออีแดง ยังมีภาพแกะสลักหินนูนต่ำบนหน้าผาหินทราย อายุประมาณ 1,500 ปี เป็นภาพเทพ  3 องค์สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร ราวกลางศตวรรษที่ 11 ซึ่งถูกประกาศให้เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมและศึกษาประวัติศาสตร์อารยะธรรมของขอมโบราณ พร้อมทั้งจะได้ชมสถูปคู่ ทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ สร้างจากหินทราย ถือเป็นสิ่งก่อสร้างพิเศษ  นอกจากนี้ในช่วงค่ำนักท่องเที่ยวจะได้ชมดาวล้านดวง ที่เนินนับดาว แหล่งเรียนรู้ด้านดาราศาสตร์ โดยมี นายสุกิจ   เหลืองสกุลไทย  นายอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมด้วย นางจิตร                         อาจสัญจร หน.อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารให้การต้อนรับและนำสำรวจพื้นที่ในครั้งนี้ดร.กัลยาณี  ธรรมจารีย์  นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตอนนี้ต้อง                ถือว่าผามออีแดงมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ สถานที่ที่ปิดไว้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้น ถือว่าช่วงนี้ทรัพยากรธรรมชาติและบริเวณผามออีแดงมีความสวยงามมาก ไม่ได้ถูกทำลายเหมือนสมัยก่อนที่มีนักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก  การปิดเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการปรับปรุงและตอนนี้ถือว่ามีความสวยงามมาก  คนที่ผ่านการฉีดวัคซีนมาแล้วพอขึ้นมาที่ผามออีแดง มีการสวมหน้ากากอนามัยสามารถที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ผามออีแดงได้ ตอนช่วงเช้าตื่นขึ้นมาก็มารอรับพลังพระอาทิตย์ขึ้น 3 แผ่นดินขึ้นจากประเทศลาว มาถึงประเทศไทยและลงไปถึงกัมพูชา ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นการมารับพลังสุริยะ 3 แผ่นดิน ซึ่งมีความเชื่อกันว่าการได้มารับพลังสุริยะจากแสงแรกของเช้าวันใหม่ จะช่วยเติมเต็มให้ผู้ที่ได้รับพลังสุริยะได้มีพลัง โชคดีมีชัย และทำให้มีกำลังใจที่จะมุ่งมั่นในการทำกิจการงานต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ต่อไป ถ้ามาในช่วงปลายฝนต้นหนาวจะเจอหมอกที่สวยงาม วันไหนฝนตกก็ยิ่งจะเห็นหมอกชัดเจนมากแต่ก็คุ้มมากเพราะว่าใครๆที่มาผามออีแดงก็จะบอกว่าวิวทิวทัศน์สวยงามมาก จึงขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านมารับพลังสุริยะ3 แผ่นดินที่ผามออีแดงตอนนี้พร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้วโดยจะเปิดในวันที่ 1 พ.ย.64 นี้เป็นต้นไป  นายวัฒนา   พุฒิชาติ  ผวจ.ศรีสะเกษ  กล่าวว่า  ตนมาในวันนี้ 2 สถานะก็คือในสถานะซึ่งดูภารกิจภาพรวมของ จ.ศรีสะเกษและอีกส่วนหนึ่งในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งในแนวทางแรกก็คือตามที่นโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการเปิดการท่องเที่ยว แต่สถานการณ์โควิดก็ได้มีการเปิดจังหวัดนำร่องต่างๆแต่ว่าในส่วนของจังหวัดอื่นที่มีความพร้อมในกิจกรรมที่จะทำได้ถ้าสามารถทำให้เดินได้ก็ให้เดินไป ในส่วนนี้เองทางจังหวัดก็ได้มีการเตรียมความพร้อมต่างๆและคิดว่าสถานการณ์โควิดต่างๆเราก็ผ่อนคลายไปมากแล้วก็ควรที่จะได้มีการเปิดพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวนี้ศรีสะเกษก็เป็นที่หมายตาของนักท่องเที่ยวทั่วไป เพราะฉะนั้นเป้าหมายแรกของเราก็คือเราก็มองมาที่ผามออีแดง ซึ่งนักท่องเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาวหมอกจะสวยงามมาก ซึ่งทาง นอภ.กันทรลักษ์ และอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันในการเตรียมความพร้อม แต่ว่าเมื่อตนมาดูแล้วพอได้รับทราบมาตรการต่างๆ รวมทั้งบรรยากาศต่างๆ คิดว่า จ.ศรีสะเกษก็มีความพร้อมในการที่จะเปิดผามออีแดงแล้ว ซึ่งทางอำเภอกันทรลักษ์ได้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้มีการวางมาตรการสอดคล้องกับมาตรการของ  ศบค.และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดไม่ว่าจะเป็นการจำกัดจำนวนคนเช่น จะไม่ให้คนมารวมตัวกันมากๆช่วงคาบของการท่องเที่ยว  2 - 3 ชั่วโมงในแต่ละรอบ จะมีคนได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาท่องเที่ยวที่ผามออีแดงประมาณ 600 คน เฉลี่ยเป็นผัด ๆ กันไปและในส่วนที่ 2 ก็คือจัดระบบที่จะไม่ให้คนมาออหนาแน่นบริเวณทางขึ้นที่จะขออนุญาตเข้ามา ก็มีการวางระบบในการที่จะมีการจองล่วงหน้าผ่านระบบต่างๆของทางอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารให้จองมาก่อนและประการที่ 3 ก็คือเรื่องของการเข้าพักโดยทั่วไป ตอนนี้ก็ยังงดให้เข้าพักในเขตอุทยานแต่ว่าจะอนุญาตให้จองเพื่อให้เข้าพักในลักษณะของเต็นท์ของอุทยานแต่เพียงคืนละ 30 คนเท่านั้น ผวจ.ศรีสะเกษ  ยังกล่าวด้วยว่า  เพราะฉะนั้นในช่วงแรกนี้เราก็จะทดสอบมาตรการในเรื่องนี้ดูและในอนาคตต่อไปทางอุทยานก็อาจจะมีการขยับขยายจำนวนคนมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องปฏิบัติร่วมกันและอีกส่วนหนึ่งก็คือการเฝ้าระวังส่วนตัว ตามมาตรการทางสาธารณสุขต่างๆ และการฉีดวัคซีนที่เป็นมาตรการหลักของแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป ในส่วนของฝั่งเราก็คือทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารก็ได้มีการฉีดวัคซีนทุกคนแล้ว และทางนายอำเภอกันทรลักษ์ก็ได้มีการยืนยันไปแล้วว่า ในส่วนของร้านอาหารสถานประกอบการต่างๆหรือโรงแรมรีสอร์ท  เป็นเป้าหมายในการฉีดวัคซีนและมีการฉีดวัคซีนไปเยอะแล้ว ในฝั่งของนักท่องเที่ยวเราก็เปิดโอกาสให้กับคนที่ฉีดวัคซีนแล้วไม่ต้องกักตัว ถ้าไม่มีป่วยไข้หรือภาวะเสี่ยงอื่นๆก็สามารถที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวและเดินทางกลับออกไปได้ โดยดำเนินการตามมาตรการ จ.ศรีสะเกษก็มีความพร้อมในเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งงานกีฬาต่างๆที่จะเกิดขึ้นและการเฉลิมฉลอง 239  ปีซึ่งเราก็อยากบอกว่า หนาวนี้ศรีสะเกษพร้อมรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่

ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ 

แถลงผลงาน 3 ปี มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนด้วยภูมิปัญญาทางการเกษตรเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและอนุรักษ์ป่าไม้

มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์จัดงานแถลงผลงาน 3 ปี โดยมี นายดิเรก ตนพยอม ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธีฯ  พลเอกสุทัศน์ จารุมณี ประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯ   กล่าวเปิดงาน  รศ.ดร.อภินันท์ สุวรรณรักษ์ รองประธานมูลนิธิฯ กล่าวรายงาน  ปาฐกภาพิเศษ ในหัวข้อ  “ขอยืนหยัดผูกพัน สร้างแผ่นดิน”  โดย ดร.เพิ่มศักดิ์ สุภาพรเหมินทร์ อดีตข้าราชการผู้สนองพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ด้านกัญชง พร้อมทั้ง ดร.ปเนต มโนมัยวิบูลย์  รองประธานมูลนิธิฯ  และกรรมการมูลนิธิฯ    พญ.พิพิธพร หลิวจันทร์พัฒนา,  ดร.เสฐียรพงษ์ แก้วสด   

ผศ.ดร.สุพจน์ บุญแรง, ดร.คุณานันท์ ทยายุทธ,  ผศ.ดร.ชุติมา คงจรูญ  พร้อมกับกิจกรรมเสวนาดนตรีเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดย สุรชัย จันธิมาธร (หงา คาราวาน) ศิลปินแห่งชาติ ปี 2554 สาขาวรรณศิลป์ และกิจกรรมเสวนา “CBD ทางรอด เพื่อสุขภาพ” โดย นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา ประธานบริษัท ไทยเฮมพ์ เวลเนส จำกัด และ คุณสุวรรณา หลั่งน้ำสังข์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สังคม สุขภาพ จำกัด ณ ห้องประชุมประดู่แดง 1 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในวันที่ 23 ตุลาคม 2564 

โดยมีถ้อยแถลงผลงานมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ ดังนี้

มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์จัดตั้งขึ้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยนักวิชาการในมหาวิทยาลัยที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา รวมถึงอดีตข้าราชการระดับสูงจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นักสิ่งแวดล้อม และนักพัฒนาสังคม ได้จดทะเบียนขึ้นตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ เมื่อ วันที่ ๑๓ เดือน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ ทะเบียนเลขที่ ชร๑๐/๒๕๖๑ 

โดยมี นายดิเรก ตนพะยอม อดีตรองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร และผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯเป็นประธาน และ พลเอกสุทัศน์ จารุมณี เป็นประธานกรรมการที่ปรึกษา 

มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ ดำเนินงานส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า ด้วยตนเอง ภายใต้ระเบียบข้อบังคับที่กฎหมายกำหนด โดยนำหลักการจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืน และหลักเกษตรอินทรีย์มาประยุกต์ใช้ร่วมกัน และได้ดำเนินการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากล เช่น USDA / EU และมาตรฐานการเกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่เกี่ยวของ เช่น มาตรฐาน  rainforest alliance ในการปลูกกาแฟแบบร่มเงาไม้ในป่า (Shade Grown) รายแรกของประเทศไทย ยังได้ได้ประสานความร่วมมือการปัญหาหมอกวัน ไฟป่าภาคเหนือ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและหสกรณ์การเกษตร โดย นายวีรชาติ เขื่อนรัตน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรในขณะนั้น สู่การสร้างชุมชนต้นแบบวนเกษตรอินทรีย์ “แม่หางโมเดล” เพื่อพัฒนาวนเกษตรอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ใช้แนวทางตลาดนำการผลิต จากสินค้าชุมชนสู่ตลาดโมเดลเทรด ชึ่งได้รับความร่วมมือกับ บริษัท สังคมสุขภาพ จำกัด หรือ เลมอนฟาร์ม ดำเนินการรับซื้อผลผลิตอินทรีย์ และ ผลิตภัณฑ์แปรรูป จากชุมชนป่าต้นน้ำออกสู่ผู้บริโภคอย่างมากมาย ปัจจุบันมีพื้นที่ดำเนินงานกว่า 5 จังหวัด ในภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน รวม 80 กว่าชุมชน

ในกลางปี 2563 มูลนิธิฯ ได้ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  อุทยานแห่งชาติดอยหลวง และเลมอนฟาร์ม ดำเนินการแก้ปัญหาชุมชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ด้วยรูปแบบวนเกษตรอินทรีย์ พื้นที่ป่าต้นน้ำแม่วัง บ้านงิ้วเฒ่า บ้านผาวี สู่การพัฒนาเป็นพื้นที่ต้นแบบการแก้ปัญหาคนกับป่าอย่างยั่งยืน ยังได้รับความร่วมมือจาก นายสุรชัย จันทร์ธิมาธร หรือ หงา คาราวาน ศิลปินแห่งชาติ ช่วยประชาสัมพันธ์งานมูลนิธิฯ ผ่านการสร้างกาแฟในแบรนด์ “ลุงหงา” เกิดการยอมรับผลิตภัณฑ์จากป่าวนเกษตรอินทรีย์ทั้งเรื่องคุณค่า และคุณภาพ ทั้งนี้การพัฒนาตลาดกาแฟยังได้รับความร่วมมือจากบริษัทเอกชนทางด้านการเกษตรของไทยนำสิ้นค้ากาแฟป่า ไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น เบลเยี่ยม และ ประเทศอื่นๆ ในยุโรป

เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลเรื่องการส่งเสริมปลูกกัญชง มูลนิธฯได้มีการศึกษาเทคนิคการปลูกกัญชงอย่างต่อเนื่อง จนกรรมการมูลนิธิฯได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากรมการแพทย์ด้านสาย และสามารถขึ้นทะเบียนสายพันธุ์กัญชา “อิสระ 01” สายพันธุ์แรกของประเทศไทย และได้มีส่วนร่วมจัดตั้ง บริษัท ไทย เฮมพ์ เวลเนส จำกัด ขึ้นเพื่อดำเนินงานส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกัญชงในจังหวัดเชียงราย รวมถึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนากัญชง กัญชา และ กระท่อมไทย ภายใต้มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ ทำให้มามารถเป็นผู้นำ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชงของประเทศไทย ทั้งยังสามารถพัฒนาความร่วมมือกับภาคธุรกิจปลายน้ำกัญชงร่วมกับ นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทคาราบาวแดง รวมถึงบริษัท SEPPE และ กลุ่มธุรกิจเครื่องสำอาง SGL เป็นต้น

จากการเริ่มต้นดำเนินงานของมูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์มาจนถึงปัจจุบันรวมเป็นเวลา 3 ปี ทางคณะกรรมการบริหาร จึงมีมติให้จัดกิจกรรม แถลงผลงาน 3 ปี มูลนิธิวนเกษตรอินทรีย์ ขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม 2564 ณ ห้องประดู่แดง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ขึ้นดังกล่าว

!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​0619525644!!!!! 

ภายใต้การอำนวยการของนายอำเภอเก้าเลี้ยวทีมงานสาธารณสุข อ.เก้าเลี้ยว ตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงอย่างต่อเนื่องผลการปฎิบัติงานการตรวจคัดกรองเชิงรุก ATK กรณีสัมผัสร้านค้าชำในหมู่บ้าน ม.10 ต.เขาดิน

วันที่ 29 ตุลาคม 2564          📌ตรวจทั้งหมด 135 คน ผล ATK บวก 4 คน จึงทำ PCR ต่อ 4 คน และติดตามคนร่วมบ้านซึ่งเป็นผู้เสี่ยงสูง ตรวจ PCR อีก 5 คน         📌กักตัวทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2564-11 พฤศจิกายน 2564 รวม 4 หลังคาเรือน จำนวน 6 คน         📌ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ในหมู่บ้านผ่านหอกระจายข่าวทุกวัน เรื่องการกักตัว ผู้นำชุมชน ร่วมกันดูแล        📌นัดตรวจ ATK ซ้ำวันที่ 5 พย 2564 เวลา 14.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ ม.10 ต.เขาดิน        📌สอน อสม.ในการใช้ชุดตรวจ ATK เบื้องต้น สำหรับประชาชน เพื่อได้สอนให้ประชาชนได้ตรวจด้วยตนเอง

!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​ 0619525644!!!! 

ชุมแสง กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอชุมแสง จังหวัด​นครสวรรค์​

วันที่ 29 ตุลาคม 25 64 เวลา 10.00 น ณ วัดท่าไม้ หมู่ที่ 2 ตำบลท่าไม้ อำเภอชุมแสง นายสัญญา​ นิล​สุพรรณ​ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 3​ นครสวรรค์ เป็นตัวแทนสำนักนายกรัฐมนตรี​ มอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ ตำบลท่าไม้ และตำบลโคกหม้อ จำนวน 500 ชุด โดยมี นาย นายสุวัฒน์ จันทร์สุข นายอำเภอชุมแสง นายบรรจง โพธิวงค์ รักษาการหัวหน้าสำนักงาน ปภ.นครสวรรค์​  ดร.กัลย์ชพร รอดบำรุง สจ.นครสวรรค์​เขต.2 นางสาวพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ​เลขานุการ​ สส.นครสวรรค์​ เขต. 3​ หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธี โดยปฏิบัติตามแนวทาง และมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัดนายนิรันดร์​ คูกิติรัตน์​ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอชุมแสง กล่าวว่าอำเภอชุมแสง แบ่งการปกครองออกเป็น 1​1 ตำบล 126 หมู่บ้านเทศบาล 2 แห่ง โดยพื้นที่อำเภอชุมแสง ได้รับผลกระทบจาก อิทธิพลของพายุ"เตี้ยนหมู" ทำให้ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2564และจังหวัดนครสวรรค์ ได้ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 11 ตำบล 111 หมู่บ้าน 3,390 ครัวเรือนพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวน 36,122 ไร่ ซึ่งในพื้นที่ตำบลท่าไม้มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน จากภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 15 หมู่บ้านจำนวน250ครัวเรือน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย จำนวน 1,753 ไร่ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในพื้นที่อำเภอชุมแสง ยังคงน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง และมีผู้ประสบภัย ที่ต้องการความช่วยเหลือหลายครัวเรือนหลังจากที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ในห้วงเดือนกันยายน 2564 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ต่างๆในพื้นที่อำเภอชุมแสงไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน และพื้นที่ทางการทางการเกษตรได้รับความเสียหายหลายพันไร่ ซึ่งในปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายและกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำดังนั้น กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มอบให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ดังกล่าว

!!!!!! ต้อย​ รอบ​รั้ว​ ภูธร​0619525644!!!!!