ต้อยทูเดย์ออนไลน์ Toytodayonline

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564

สถานการณ์ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก (

29 ธันวาคม 2564) ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมา ในพื้นที่ตรงข้ามจังหวัดตาก ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 16 - 28 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารเมียนมา กับ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army : KNLA) กองพลน้อยที่ 6 ในพื้นที่บ้านเลเก้ก่อ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้านตรงข้าม ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทำให้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ได้อพยพข้ามมายังฝั่งไทย ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายให้ กองกำลังนเรศวร รับผิดชอบอำนวยการดูแล ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ร่วมกับศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก ให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ในพื้นที่อำเภอแม่สอด และอำเภอพบพระ จังหวัดตาก จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ บ้านมหาวัน, บ้านหมื่นฤาชัย, บ้านแม่ตาวกลาง, บ้านดอนชัย และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง โดยได้ดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม มีรายละเอียดดังนี้ 1. ศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก, จังหวัดตาก, กองกำลังนเรศวร และ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมดูแล ความเป็นอยู่ขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ โดยมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ตามหลักมนุษยธรรม2. โรงพยาบาลแม่สอด จัดแพทย์ พยาบาล เข้าดูแลและให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้เจ็บป่วยในพื้นที่3. ศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก ร่วมกับ กองกำลังนเรศวร อำนวยความสะดวกในการจัดยานพาหนะ รับ-ส่ง ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ในการเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยความสมัครใจ4. กองกำลังนเรศวร จัดกำลังพล และ ยุทโธปกรณ์ ในการดูแลรักษาความปลอดภัย สถานที่พักพิงของ        ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในพื้นที่ ปัจจุบัน ( 29 ธันวาคม 2564 เวลา 08.00 น.) สถานการณ์ปะทะภายในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ได้เริ่มคลี่คลายลงตามลำดับ ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) ได้ทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยความสมัครใจไปแล้ว จำนวน 6,070 คน คงเหลือผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา (ผภสม.) จำนวน 4,080 คน ใน 2 พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวเท่านั้น ได้แก่ บ้านมหาวัน และบ้านหมื่นฤาชัย ที่ยังรอการเดินทางกลับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในโอกาสต่อไป ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า         การบูรณาการกำลังป้องกันชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตย และพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ จะได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อให้พี่น้องคนไทยทุกคนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติสืบไป คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

การดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน พื้นที่แนวชายแดนจังหวัดตาก

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์การสู้รบในประเทศเมียนมา ในพื้นที่ตรงข้ามจังหวัดตาก ของประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 16 - 27 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารเมียนมา กับ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army : KNLA) กองพลน้อยที่ 6 ในพื้นที่บ้านเลเก้ก่อ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้านตรงข้าม ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในการนี้ กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 โดย กองกำลังนเรศวร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมประชาชนในพื้นที่ และจิตอาสา ได้ร่วมกันบูรณาการในการสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติ ในพื้นที่แนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ จังหวัดตาก ดังนี้ 1. ทำการเพิ่มการลาดตระเวนเดินเท้าพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง และการลาดตระเวนยานยนต์ โดยใช้ยานพาหนะในอัตราของหน่วย รวมทั้งยานเกราะล้อยาง จากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 เพื่อเฝ้าตรวจ และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยพร้อมดำเนินการโต้ตอบทันที หากมีกองกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตยประเทศไทย 2. กองกำลังนเรศวร โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จัดกำลังพล ร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ให้ความช่วยเหลือ, คำแนะนำ และดำเนินการปรับปรุงหลุมหลบภัย ให้กับพี่น้องประชาชนที่มีที่พักอาศัยอยู่บริเวณริมน้ำเมย บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จำนวน 50 หลุม (50 ครอบครัว) เพื่อเตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนไทยในพื้นที่ 3. จากการปะทะดังกล่าวส่งผลให้มีกระสุนไม่ทราบชนิด/ไม่ทราบฝ่าย ข้ามมาตกในฝั่งไทย บริเวณริมแม่น้ำเมย และมีที่อยู่อาศัยของประชาชนในพื้นที่ บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้รับผลกระทบจำนวน 1 หลังคาเรือน นั้น กองกำลังนเรศวร โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนตำบลพบพระ พร้อมด้วยประชาชน และจิตอาสา ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ และซ่อมแซมบ้านเลขที่ 155/1 บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า         การบูรณาการกำลังป้องกันชายแดนเพื่อปกป้องอธิปไตย และพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ จะได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น เพื่อให้พี่น้องคนไทยทุกคนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสร้างความมั่นคงให้ประเทศชาติสืบไป คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

การเตรียมการจัดตั้งจุดบริการประชาชน ห้วงเทศกาลปีใหม่ 2565

ตามที่ ผู้บัญชาการทหารบก ได้มอบหมายให้หน่วยทหารของกองทัพบก ให้การดูแลประชาชน      สร้างความปลอดภัยในการเดินทาง ลดอุบัติเหตุ ด้วยการจัดตั้ง “จุดบริการประชาชน” บริเวณด้านหน้าค่ายทหาร ในห้วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ โดยเฉพาะที่เป็นเส้นทางคมนาคมหลัก, แหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่สำคัญอื่นๆ ตามความเหมาะสม โดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง นั้น ในการนี้ กองทัพภาคที่ 3 / ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 ได้เตรียมการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาตนเอง หรือไปท่องเที่ยวในห้วงเทศกาล ปีใหม่ 2565 โดยให้หน่วยและค่ายทหารในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการดังนี้.-1. จัดตั้งจุดบริการและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ภาคเหนือ ตั้งแต่ วันที่ 28 ธันวาคม 2564 ถึง 5 มกราคม 2565 จำนวน 15 จุด โดยได้จัดเตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น, ชุดช่างซ่อมแซมรถยนต์ และจักรยานยนต์เบื้องต้น, เจ้าหน้าที่แนะนำเส้นทาง และเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ควบคู่ไปด้วย2. บูรณาการร่วมกับส่วนราชการและเอกชนในพื้นที่ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในจุดบริการประชาชน เช่น น้ำดื่ม, ผ้าเย็น, กาแฟ, เจ้าหน้าที่เสนารักษ์พร้อมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น,  อุปกรณ์การช่างที่จำเป็น, นวดแผนไทยผ่อนคลาย, อุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับมือถือ, ห้องน้ำ และสุขา เป็นต้น3. ประสานสื่อมวลชนร่วมทำข่าวประชาสัมพันธ์ และจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์เส้นทางการจราจรที่แออัด รวมทั้งหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ชำรุด4. จัดเตรียมชุดปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือประชาชนประจำจุดบริการประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้แล้ว กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 3 ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน ร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์การสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ยานพาหนะ ช่วงเทศกาล   สงกรานต์ปีนี้ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติภัยทางถนน ภายใต้แนวความคิด “ขับรถดี มีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร”        ตามที่รัฐบาลได้พยายามดำเนินการอย่างจริงจัง คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

การเตรียมความพร้อม และการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย

กองทัพภาคที่ 3 ในห้วงฤดูหนาว ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง การเริ่มต้นฤดูหนาวของประเทศไทย โดยจะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ในช่วงเช้าบริเวณประเทศไทยตอนบน            มีอุณหภูมิลดลงอยู่ในเกณฑ์อากาศเย็นเกือบทั่วไป ในการนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมต่อภัยหนาวที่จะเกิดขึ้นในห้วงฤดูหนาวนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์  แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ หน่วยขึ้นตรง ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ในทุกพื้นที่หน่วยทหาร เตรียมความพร้อมในการเข้าให้การช่วยเหลือประชาชน           ที่ประสบภัยหนาว ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ทันที โดยความร่วมมือของส่วนราชการ, ภาคเอกชน และประชาชนจิตอาสาในการระดมศักยภาพ ทั้งทางด้านกำลังพล, ยุทโธปกรณ์ และชุดแพทย์เดินเท้าเคลื่อนที่ในการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สำหรับในห้วงที่ผ่านมา ได้ดำเนินการมอบผ้าห่มกันหนาวเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยหนาว จำนวนทั้งสิ้น 22,750 ผืน ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ประสบภัยพิบัติต่างๆ และต้องการความช่วยเหลือ ขอให้ท่านได้กรุณาแจ้งข่าวสารได้ที่ หน่วยทหารใกล้บ้าน หรือศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 หมายเลขโทรศัพท์ 055 – 242859, เฟซบุ๊ก : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 และ เว็บไซต์ : กองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) http://army3.rta.mi.th/ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ ในพื้นที่เป็นการเร่งด่วน คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

การสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยวิกฤต เพื่อประชาชน

กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ แบบ Bell-212 จากชุดปฏิบัติการบิน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 กองกำลังนเรศวร ร่วมกับคณะแพทย์โรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน ดังนี้.-เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินผู้ชาย อายุ 24 ปี ไม่ทราบภูมิลำเนา ประวัติอุบัติเหตุขับขี่มอเตอร์ไซด์ล้ม ไม่รู้สึกตัว ข้อมือขวาผิดรูป ต้นแขนซ้ายผิดรูป มีแผลฉีกขาดขมับด้านซ้าย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีสังวาล ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา และได้รับการรักษาต่อเนื่อง การบาดเจ็บที่ศีรษะ, ช่องท้อง และการรักษาภาวะกระดูกหักบริเวณข้อมือขวา และต้นแขนซ้าย มีเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนต้นในปริมาณมาก เห็นควรต้องนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรักษาอาการต่อเป็นการเร่งด่วน โดยทำการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศยาน มาจากสนามเฮลิคอปเตอร์ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อไปยังสนามบินเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคณะแพทย์พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมทั้งรถพยาบาลฉุกเฉินมารับเพื่อทำการรักษาต่อไปการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งการของกองทัพบก/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ป่วยเจ็บกรณีฉุกเฉิน โดยการร้องขอของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ โดยยึดถือบันทึกความตกลง (MOU) เรื่อง การปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินด้วยอากาศยานของกระทรวงกลาโหม ระหว่างกระทรวงกลาโหม, กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เมื่อ 29 มิถุนายน 2552 ทั้งนี้จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดย กองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพลและยุทโธปกรณ์ทางทหารในการช่วยเหลือประชาชนยามวิกฤตทุกโอกาส คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

การปราบปรามการลักลอบปลูกฝิ่น

ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้มีนโยบายให้มีการบูรณาการงานด้านการข่าวเพื่อความมั่นคงของพลเรือน ตำรวจ ทหาร และทุกภาคส่วน ในการดำเนินการ สกัดกั้น ปราบปราม และจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ตั้งแต่พื้นที่แนวชายแดน จนถึงพื้นที่ตอนในของประเทศ นั้น มีการปราบปรามยาเสพติดที่สำคัญ ดังนี้ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 09.00 น. ภายหลังจาก ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีการลักลอบปลูกฝิ่นในพื้นที่บ้านลีซอแม่ยะน้อย ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน จึงจัดกำลังทหารจาก กองร้อยทหารราบที่ 723 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ป่าไม้, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอปาย  เข้าทำการตรวจสอบ ผลการดำเนินการพบ การลักลอบปลูกฝิ่นในพื้นที่ป่า จำนวน  3 แปลง ดังนี้1. แปลงที่หนึ่ง มีพื้นที่ประมาณ 0.97 ไร่ ปลูกด้วยความหนาแน่นประมาณร้อยละ 90 ต้นฝิ่นมีความสูงประมาณ 120 เซนติเมตร 2. แปลงที่สอง มีพื้นที่ประมาณ 0.50 ไร่ ปลูกด้วยความหนาแน่นประมาณร้อยละ 90 ต้นฝิ่นมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร 3. แปลงที่หนึ่ง มีพื้นที่ประมาณ 0.40 ไร่ ปลูกด้วยความหนาแน่นประมาณร้อยละ 90 ต้นฝิ่นมีความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร            เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตัดทำลายไร่ฝิ่นทั้งสามแปลงดังกล่าว ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือมีเบาะแสข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอความกรุณาได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการปราบปรามและจับกุม อย่างเป็นรูปธรรมตามกฎหมาย อีกทั้งหากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยตรง ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรงแม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไปคณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ห่วงใย “อุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565”

จากข้อมูลการเฝ้าระวังระบบสารสนเทศ เพื่อการจัดการผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ        ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 - 23 ธันวาคม 2564 มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวม 403,951 ราย ผู้บาดเจ็บ 396,625 ราย เสียชีวิต 7,326 ราย และในช่วงปีใหม่ 2564 ที่ผ่านมา ช่วงเฝ้าระวัง 7 วัน ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2563 - 4 มกราคม 2564 มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวม 26,364 ราย ผู้บาดเจ็บ 25,848 ราย เสียชีวิต 516 ราย โดยพาหนะที่เกิดเหตุมากที่สุด ได้แก่ จักรยานยนต์ (ร้อยละ 81.77) รองลงมา รถกระบะ (ร้อยละ 5.14)  จังหวัดที่มีรายงานจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ รองลงมา นครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ และเชียงราย และจากระบบรายงานการสอบสวนสาเหตุการบาดเจ็บจากการจราจรทางถนน (RTI) กรมควบคุมโรค ช่วงเวลาที่พบเหตุการณ์มากที่สุดในปี 2564 ได้แก่ เดือนมกราคม และเมษายน ทั้งนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ประชาชนกำลังเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลวันปีใหม่ 2565 และ มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง รวมถึงมีมาตรการกระตุ้นให้มีการท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น มีการโดยสารรถประจำทางหรือรถยนต์ส่วนตัวจำนวนมาก จึงเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น  ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3    จึงมีความห่วงใยต่อข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3 และพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงขอแนะนำประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางเป็นพิเศษ ดังนี้ 1. ตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน  2. คนขับต้องมีสภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการขึ้นในระหว่างขับขี่พาหนะ เช่น หัวใจ ความดัน เบาหวาน ลมชัก เป็นต้น ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง  3. งดดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่และโดยสารให้คาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับและผู้ร่วมเดินทาง  4. ขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เคารพกฎจราจร ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถโดยเด็ดขาด  5. ผู้ใช้รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับขี่และคนซ้อนท้าย  6. ควรศึกษาเส้นทางให้ดี ปฏิบัติตามป้ายเตือน หากขับรถระยะทางไกลอาจเกิดความเมื่อยล้า ควรหยุดพัก หรือมีคนช่วยเปลี่ยนกันขับ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้ง กองทัพภาคที่ 3/ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งจุดบริการและช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่ วันที่ 28 ธันวาคม 2564 – 5 มกราคม 2565 จำนวน 15 จุด โดยได้จัดเตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น, ชุดช่างซ่อมแซมรถยนต์ และจักรยานยนต์เบื้องต้น, เจ้าหน้าที่แนะนำเส้นทาง และเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางตลอด 24 ชั่วโมง คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 ธันวาคม 2564

ธ.ก.ส.นครสวรรค์ จัดอบรมโครงการฟื้นฟูพัฒนาศักยภาพลูกค้าพักชำระหนี้ (Kick off) เพื่อลดภาระหนี้ของเกษตรกร

วันที่ 17 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่ไร่แนนแนน หมู่ที่ 7 ตำบลเนินขี้เหล็ก อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ นายบดินทร์ เกษมศานติ์ ...