นครทูเดย์ออนไลน์: เปิดประวัติหัวหน้าแก๊งอุ้มฆ่าดีกรีมือปืนระดับกาฬภาคเหนือตอนล่าง

จากกรณีพบนายคนึง เจริญรัตน์ อายุ 48 ปี เป็นชาว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ถูกฆ่าตายในสภาพถูกมัดมือมัดเท้า และใช้ผ้าขาวม้ารัดคอ นำศพยัดกระสอบ จาก อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ มาโยนทิ้งไว้กลางทุ่งนา ในพื้นที่หมู่ 2 ต.วังบ่อ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ โดยพบศพเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ซึ่งในคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสืบสวนสอบสวน จนทราบปมสังหารมาจากเรื่องเกิดความที่นายคนึงหึงหวงภรรยา และทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุอุ้มฆ่าในคดีนี้ มีผู้ต้องหาหลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้น มีนายสุเทพ หรือจวบ มาลัยกุล เป็นคู่กรณีหลักที่มีเรื่องชกต่อยกับนายคนึง จนกลายเป็นรื่องบานปลาย เพราะนายสุเทพ ได้ไปตามพรรคพวกมารุมทำร้ายนายคะนึงก่อนจะอุ้มหายออกจากบ้านไป จนมาพบกลายเป็นศพถูกยัดกระสอบโยนทิ้งทุ่งนา และเมื่อวานนี้ (21 ธันวาคม 2563)

ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการคุมตัวนายระพีพัฒน์ มาลัยกุล อายุ 32 ปี หนึ่งในทีมอุ้มฆ่า ที่ทำหน้าที่ขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 2 กถ 1116 กรุงเทพมหานคร พานายสุเทพนำศพของนายคนึงไปสับเปลี่ยนใส่ขึ้นรถกระบะอีกคันเพื่อนำร่างไปโยนทิ้งได้แล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (22 ธันวาคม 2563) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติงานคดีอุ้มฆ่านายคนึง เจริญรัตน์ ทั้งจากตำรวจภูธรภาค 6 และตำรวจภูธร จ.นครสวรรค์ ได้มีการร่วมประชุมสรุปผลความคืบหน้า พร้อมกับวางแนวทางการคลี่คลายคดี โดยมีรายงานว่า คดีนี้ มีผู้ที่ร่วมเกี่ยวข้องถึง 6 คน ประกอบด้วย นายสุเทพ หรือจวบ มาลัยกุล อายุ 65 ปี นายระพีพัฒน์ มาลัยกุล อายุ 32 ปี นายสมศักดิ์ หรือกันต์ ปันทวาย อายุ 28 ปี พร้อมภรรยาของนายกันต์ รวมถึงนายดำ และนางติ๋ม ซึ่งทั้ง 6 คนนี้ ทางเจ้าหน้าได้มีการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดในการเตรียมออกหมายจับนายสุเทพ นายระพีพัฒน์ และนายสมศักดิ์ เพียง 3 คนเท่านั้น เนื่องจากที่เหลือยังไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกดำเนินคดี เพราะแค่ไปรู้เห็นเหตุการณ์ ซึ่งมีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการคุมตัวภรรยาของนายกันต์ รวมถึงนายดำ และนางติ๋ม มาสอบปากคำอย่างละเอียดทั้งหมดแล้ว โดยเตรียมกันตัวเอาไว้เป็นพยานต่อไปอย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 6 ได้มีการตรวจยึดรถกระบะของนายสมศักดิ์ หรือกันต์ ซึ่งเป็นรถติดคอกเหล็กยกสูง ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ณร 1913 กรุงเทพมหานคร มาตรวจสอบแล้วพบหลักฐานชิ้นสำคัญ เป็นกระสอบข้าวสาร ที่มีการใช้หมึกเขียนข้อความว่า “อุไร” ซึ่งลายมือและสีหมึกมีลักษณะเหมือนกับกระสอบที่ใช้ยัดศพของนายคนึงไปทิ้งอีกด้วย ส่วนนายสมศักดิ์เจ้าของรถ มีรายงานว่าได้มีการติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอมอบตัวแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีการเข้ามอบตัวแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในรายนายสุเทพ หรือจวบ มาลัยกุล คู่กรณีชกต่อยกับนายคะนึงจนเกิดเหตุการณ์อุ้มฆ่าคนึงนั้น มีประวัติไม่ธรรมดา โดยพบว่า ในอดีตเคยเป็นมือปืนรับจ้างที่มีชื่อเสียงในโซนภาคเหนือตอนล่าง ระดับมีฉายาชื่อที่เป็นที่รู้จักกันในนาม “จวบชนแดน” และที่ผ่านมา นายสุเทพ เคยมีชื่อไปพัวพันคดีรับจ้างสังหารเหยื่อมาแล้วหลายราย ซึ่งหนึ่งในนั้น มีคดีพัวพันเหตุยิงนายขันติ สุมนทา หรือ สจ.เซี้ยง คนดังในจังหวัดเพชรบูรณ์ จนถูกจับเมื่อปี 2539 ต้องติดคุกอยู่ 7 ปี แต่ต่อมาศาลชั้นต้นยกฟ้อง รวมถึงล่าสุด เมื่อปี ต้นปี 2552 ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุด บก.ป. จับกุมในข้อหาเป็นมือปืนก่อเหตุยิงนายสุธร ธรรมวงษ์สี เสียชีวิต ในพื้นที่ อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ โดยก่อเหตุเมื่อเดือนมีนาคม 2550 แล้วหลบหนีไปทำงานอยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง นานกว่า 2 ปี จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตามแกะรอยและจับกุมตัวได้ในที่สุด ส่วนในคดีอุ้มฆ่านายคนึง จนถึงวินาทีนี้ มีรายงานว่า นายสุเทพได้หลบหนีไปแล้ว แต่ยังคงอยู่ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยยังไม่มีเค้ารางว่าเจ้าตัวจะยอมมอบตัวแต่อย่างใดขณะที่นางไพลิน แฟนไทสง อายุ 28 ปี ภรรยาของนายคะนึง ได้มีการเปิดใจล่าสุดกับผู้สื่อข่าว โดยกล่าวด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า รู้สึกเสียใจที่คนคุ้นเคยกันอย่างนายสุเทพ จะกล้าลงมืออุ้มฆ่าสามีของตน แล้วนำศพไปยัดกระสอบโยนทิ้งทุ่งนาเหมือนสามีตนเป็นหมูเป็นหมา จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวนายสุเทพ และผู้ที่ร่วมทีมอุ้มฆ่าทั้งหมดมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด