วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2565
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองพลทหารราบที่ 7 (ทุ่งยั้งทัพ)
พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองพลทหารราบที่ 7 (ทุ่งยั้งทัพ) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้า กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ที่ทรงมีความสัมพันธ์กับพื้นที่ตั้งหน่วย เนื่องจากเมื่อครั้งเกิดสงครามในอดีตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีพระราชกิจสงครามครั้งสุดท้าย หลังจากที่พระเจ้าอังวะแผ่อิทธิพลเข้าสู่หัวเมืองแถบลุ่มแม่น้ำสาละวินเรื่อยมา กระทั่งเข้ายึดเมืองนาย ซึ่งเป็นเมืองลูกของอาณาจักรล้านนา ทรงเกรงว่าหากปล่อยไว้ จะเป็นอันตรายในภายภาคหน้า จึงตัดสินพระทัยกรีทาทัพไปตีเมืองอังวะ โดยยกทัพออกจากพระนคร เมื่อวันพฤหัสบดี แรม 8 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรงพุทธศักราช 2147 เมื่อเคลื่อนทัพถึงอำเกอแม่ริม ทรงยั้งทัพ เพื่อตรวจสอบสรรพกำลังและความพรั่งพร้อมครั้งสุดท้ายก่อนมุ่งสู่เมืองนาย ณ ทุ่งยั้งทัพ หรือสถานที่ตั้งกองพลทหารราบที่ 7 ในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ สดุดีวีรกรรม และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พลตรี สุทัศน์ จารุมณี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ในขณะที่ดำรงตำแหน่ง ได้กำหนดฉายาพื้นที่ตั้งของ กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 7 ให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ว่า "ทุ่งยั้งทัพ" โดยมีภารกิจหลักคือการรักษาเอกราช อธิปไตย และการธำรงไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งการพัฒนาประเทศและการช่วยเหลือประชาชน โดยหน่วยได้ดำรงความพร้อมรบ ให้พร้อมรองรับภารกิจด้านความมั่นคง การจัดกำลังปฏิบัติภารกิจป้องกันชายแดนด้านจังหวัดแม่ฮ่องสอน และสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ อาทิ ปัญหายาเสพติด ปัญหาการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง การลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ ในเวลาต่อมา หน่วยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงมีโครงการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้น โดยได้จัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2558 และดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ โดยช่างผู้หล่อปั้นคือ อาจารย์ ธวัชชัย ศรีสมเพ็ชร ศิลปินแห่งชาติ โดยพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชแห่งนี้ มีลักษณะพระราชอิริยาบถทรงม้าศึก หล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์บรอนซ์ รมสีน้ำตาลอ่อน ประดิษฐานบนแท่นฐานแปดเหลี่ยม มีขนาดจากพื้นถึงแท่นฐาน สูง 10 เมตร และพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สูง 6 เมตร รวมทั้งมีภาพจิตรกรรมและประติมากรรม ที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจที่สำคัญของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในพื้นที่และรอบแท่นฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ นับเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ทรงคุณค่า และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ที่สื่อให้เห็นถึงความเป็นมา และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชาติ กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการนี้ กองทัพภาคที่ 3 ขอเชิญชวนข้าราชการทหาร ในสังกัดกองทัพภาคที่ 3, พี่น้องประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้มาร่วมเรียนรู้ประวัติศาสาตร์ชาติไทย และเยี่ยมชมพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ณ กองพลทหารราบที่ 7 (ทุ่งยั้งทัพ) เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงปกปักรักษาให้ประเทศชาติ อยู่ได้อย่างมั่นคงมาจึงถึงปัจจุบัน ไว้ให้ลูกหลานสืบไป คณะบรรณาธิการข่าว กองทัพภาคที่ 329 เมษายน 2565
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
-
วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 5 เทศบาลนครนครสวรรค์ นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป...
-
วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ที่บ้านเลขที่ 28 หมู่ 6 บ้านท่าตะโก ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ นางวราภรณ์ เสริมภักดีก...
-
วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด พลโทประสาน แสงศิริรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตร...
-
เมื่อเวลา 12:30 น วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 ณ ภัตตาคารเล่งหงษ์ ตำบลวัดไทร อำเภอเมืองนครสวรรค์ คณะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด...
-
วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาธรรมมานุภาพ วัดวรนาถบรรพต พระอารามหลวง (วัดกบ) ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ ...
-
วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. ที่หอประชุมวิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดนครสวรรค์ ได้จัดงานวันแรงงานแห่งชาติ จังหวัดนครสวรรค์ ปร...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น